วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

โกจิเบอร์รี่


ผลโกจิ หรือมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Chinese Wolfberry ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทางเภสัชศาสตร์ว่าเป็นพืชในตระกูล Lyceum Barum มีแหล่งกำเนิดในประเทศจีน


ความสำคัญของผลโกจิ

ผลโกจิเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในแถบเอเชียว่าเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าด้านสารอาหารมากที่สุด ผลโกจิใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญทางยา จีนแผนโบราณ ซึ้งได้มีการบันทึกในประวัติศาสตร์จีนเกือบ 2,000ปี จากตำนานที่ไม่มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พบว่าโกจิ เป็นพืชโบราณที่มีอายุมากว่าที่จดบันทึกไว้ ในราว 2,800ปี ก่อนพุทธกาล

ผลโกจิเป็นที่นิยมในประเทศในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอื่นๆในระดับแนวหน้า อุตสาหกรรมรมอาหารระดับโลก เพราะผลโกจิอุดมไปด้วยคุณค่าด้านสารอาหารและการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)

โกจิมีพลังแอนตี้ออกซิแดนซ์ (ต่อต้านอนุมูลอิสระจากการทำลายเซลล์ และชะลอความชรามากที่สุดในโลก)


โกจิแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน

การค้นหาโกจิชนิดที่ดีเยี่ยมจริงๆ เช่นเดียวกับความหลากหลายของผลองุ่น คุณภาพของเหล้าไวน์ที่แตกต่างกันไป ผลโกจิมีสายพันธุ์ต่างๆ มากถึง 41 สายพันธุ์ด้วยกันที่ปลูกในทิเบต ดร.Mindell ทราบดีว่าเขาต้องทุ่มเทวิเคราะห์สายพันธุ์โกจิหลายสิบสายพันธุ์เป็นอย่างมาก เพื่อหาสายพันธุ์ที่ดีเยี่ยมเพียงสายพันธุ์เดียว ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับที่หมอรักษาชาวหิมาลัยโบราณเป็นผู้ค้นพบและได้รับการกล่าวขานยกย่องเป็นตำนานมาตั้งแต่สมัยโบราณ

จากการค้นคว้าและวิจัยของ Dr. Earl Mindell ได้ค้นพบว่าผลโกจิให้คุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดในโลก

ประโยชน์ในงานวิจัย
- ชะลอความชรา (Anti-aging)
- ควบคุมน้ำตาลในเม็ดเลือดแดง (Blood Builder)
- เสริมสร้างการทำงานของหัวใจ (Cardiovascular Support)
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย (Immunity System)

"ผลโกจิเบอร์รี่" ที่เรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋ว เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าของ "สารแอนติออกซิแดนท์"

"ผลโกจิเบอร์รี่" เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ที่มีถิ่นฐานอยู่ในแถบเทือกเขาหิมาลัย จึงไม่ใช่เรื่อง แปลกหากคุณไม่เคยได้ยินชื่อของโกจิเบอร์รี่มาก่อน เพราะถึงแม้ว่าผลไม้ดังกล่าวจะเป็นยาโบราณที่สําคัญ ที่ใช้ในประเทศเอเชียมาหลายชั่วอายุคนก็ตาม แต่ความลับด้านประโยชน์ทางโภชนาการของผลดังกล่าวยังคงเป็นความลับที่ชาวโลกส่วนมากยังไม่ทราบ

ย้อนไป 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล นักสมุน-ไพรชาวหิมาลายันได้ค้นพบความลับที่มีค่ามากที่สุดคือผลโกจิเบอร์รี่ท้องถิ่น ซึ่งต่อมาได้รับการถ่ายทอดสู่นักปรุงยาชาวจีน ทิเบต และอินเดีย จากการค้นคว้าและวิจัยของ Dr. Earl Mindell ค้นพบว่าผลโกจิเบอร์รี่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสารแอนติออกซิแดนท์ในปริมาณมากถึง 25,300 (ในขณะที่ลูกพรุนซึ่งมีสารแอนติ-ออกซิแดนท์เป็นลําดับที่ 2 มีเพียง 5,700 ORAC เท่านั้น) โดยสารออกซิแดนท์ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อแก่ตัวลงเป็นสาเหตุสําคัญของความแก่ก่อนวัยอันควร

"ผลโกจิเบอร์รี่" แต่ละลูกประกอบด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด ธาตุอาหาร 21 ชนิด มีโปรตีนมากกว่าโฮลวีท มีสารแอนติออกซิแดนท์คาโรทินอยด์อีกจํานวนมาก รวมทั้งวิตามินซีที่มีระดับสูงกว่าผลส้ม ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโกจิเบอร์รี่ ซึ่งเอนไซด์ของผู้หญิงไทยที่พบว่าผิวอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนาติดอันดับต้นๆ และร้อยละ 85 ของผู้หญิงเชื่อว่าปัญหาผิวสามารถชะลอและ ป้องกันได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น