

ชื่อวิทยาศาสตร์: Prunus cerasoides D.Don
วงศ์ : Rosaceae
ชื่อสามัญ: นางพญาเสือโคร่ง
ชื่อพื้นเมืองอื่นๆ: ชมพูภูพิงค์
สถานที่พบ : ที่โล่งชายป่าดิบเขา ระดับความสูง 1000-2000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปี เช่น ดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ และดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย
สถานภาพ : พืชหายาก ไม้ประดับ
ดอก: ออกดอกเป็นกระจุกตามปลายกิ่ง มีทั้งสีชมพู แดงและขาว เมื่อดอกได้รับการผสมจะติดผลรูปไข่ ผลสุกเป็นสีแดงแบบลูกเชอรี่
นางพญาเสือโคร่งเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร ออกดอกเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
ใบ : เป็นชนิดใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับ ลักษณะรูปรีแบบไข่ หรือไข่กลับ ออกสลับกัน ใบมีความกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5 -12 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบกลมหรือสอบแคบ ขอบหยักถี่ ขอบจักปลายก้านใบมีต่อม 2-4 ต่อม หูใบแตกแขนงคล้ายเขากวาง ใบร่วงง่าย
ดอก : ดอกดกมาก มีสีขาว ชมพูแดง ชมพูสด หรือดง ออกเป็นช่อกระจุกใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 0.7-2 เซนติเมตร ขอบริ้วประดับจักไม่เป็นระเบียบ กลีบเลี้ยงติดกันเป็นรูปกรวย กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อบานขนาดโตเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร หลุดร่วงง่าย ขณะออกดอก จะผลัดใบทิ้งจนหมดต้น
ผล : รูปไข่หรือค่อนข้างกลม ผิวเรียบยาว 1-1.5 เซนติเมตร เมื่อสุกสีแดง
ระยะเวลาออกดอก : ออกดอระหว่างดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ โดยจะทิ้งใบก่อนออกดอก ผลของพญาเสือโคร่งสามารถนำมารับประทานได้ มีรสเปรี้ยว แต่ไม่ควรกินมากจนเกินไปเพราะอาจท้องเสียได้
ถิ่นกระจายพันธุ์ : ต่างประเทศพบที่ เนปาล จีนตอนใต้ พม่า ลาว เวียดนาม
ในประเทศไทยพบเฉพาะที่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น