วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ปลาบิน

ขนาด : 20 เซนติเมตร
แพร่กระจาย : ทะเลไทย
บริเวณที่พบ : ปลาผิวน้ำ พบกลางทะเล ไม่เข้าแนวปะการัง
ความลึก : 1-5 เมตร
อาหาร : ลูกปลากลางน้ำ ฯลฯ
สถานการณ์ : ไม่มีข้อมูลแน่นอน แต่ปัจจุบันยังพบได้ทั่วไป
อนุรักษ์ : ไม่นิยมกิน เลี้ยงไม่ได้
Fish Tip : นั่งมองดูปลานกกระจอกร่อนไปมา ถือเป็นความสนุกระหว่างนั่งเรือ

ปลาบินอยู่ในทะเลเเถบร้อนเเละอากาศอุ่นทั่วไปที่น่าสนใจคือมันมีสี่ปีกเเห่งมหาสมุทรเเอตเเลนติกปลาบินชนิดนี้ตัวยาวราว 30 เซนติเมตรมีปีกสองคู่ตรงที่ควรเป็นครีบเเต่มันไม่ได้กระพือปีกอย่างนกเวลาบินมันใช้เครืองช่วยร้อนเท่านั้นเมื่อปลาบินเตรียมที่จะบินมันจะโพล่จากใต้น้ำ้เเละว่ายน้ำด้วยความเร็วสูงสุดขยับหางจากข้างหนึ่งตีน้ำอย่างเเรงเร็วเหมืนสั่น เร็วมากครั้งต่อวินาที้้เสมือนว่าขนาดตีน้ำได้ 50มันกำลังใช้หาง ทุกครั้งที่เราอออกทะเล มีปลาอยู่ชนิดหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาทักทายกันเป็นประจำ เรียกว่าเป็นปลาชนิดแรกๆที่ทุกคนจะได้เห็น ไม่ว่าคุณจะดำน้ำได้หรือไม่ได้ จะล่องเรือไปเกาะแสนไกล หรือไปแค่เกาะใกล้ๆฝั่ง คุณไม่จำเป็นต้องลงน้ำให้ตัวเปียกเสียด้วยซ้ำ เพราะปลากลุ่มนี้จะ "บิน" ขึ้นมาให้คุณชม จนหลายคนเรียกพวกเขาว่า "ปลาบิน"

ปลาบินมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า"ปลานกกระจอก"ลักษณะคล้ายปลาในครอบครัว Carangidae (ปลาทู ฯลฯ) แต่จุดเด่นที่แตกต่างคือครีบอกขนาดใหญ่ ยาวออกมาลักษณะคล้ายปีก ยามเมื่อปลานกกระจอกว่ายด้วยความเร็วสูง พุ่งขึ้นเหนือน้ำ แล้วกางครีบอกออก พวกเขาสามารถร่อนเลียบผิวน้ำไปได้ในระยะทางไกลๆ บางครั้งอาจถึง 30 เมตร ขึ้นอยู่กับขนาดปลาและจังหวะในการร่อน การร่อนของปลานกกระจอก ปรกติทำขึ้นเพื่อหนีศัตรูหรือเมื่อเขาตกใจ เช่น ปลาอินทรีว่ายไล่ ปลานกกระจอกจะสปีดตัวเองแล้วพุ่งขึ้นเหนือน้ำ ร่อนไปข้างหน้า สังเกตสักนิดว่าพวกเขาจะไม่ร่อนไปตรงๆ แต่อาจเลี้ยวโค้งซ้ายหรือขวา ปลาอินทรีที่ว่ายตามหลังมาย่อมไม่เห็นว่าเหยื่อหนีไปทางไหน ถึงจะพุ่งต่อไปข้างหน้าก็ไม่เจอเหยื่อแล้ว เพราะเขาเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาหลบไป เทคนิคนี้จึงช่วยให้ปลานกกระจอกรอดตาย แต่ไม่เสมอไป บางครั้งเขาอาจถูกกินก่อนจะได้ร่อน สำหรับพวกเรา ปลานกกระจอกถือเป็นสีสันและความมหัศจรรย์แห่งท้องทะเล

ปลาบินไม่ได้บินไปแบบนก ที่อยู่กลางอากาศ เพียงแต่ว่ามันสามารถกระโดด และลอยอยู่บนอากาศได้นาน และร่อนไปได้ไกลกว่าปกติมันจงได้รับฉายาที่เรียกว่าปลาบิน

ที่จริงมันก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากกว่าปกติหรอก เพียงแต่ว่า มันเป็นผลพวงของวิวัฒนาการที่แตกต่างกันออกไป เพราะสิ่งที่เราจะเห็นได้ คือ สัตว์ทุกชนิด มักมีศัตรูตามธรรมชาติครับ เพราะงั้น ในกรณีนี้ก้เช่นกัน ด้วยเหตุที่มีศัตรูในธรรมชาติเยอะมาก จึงทำให้มันมีการปรับตัวครับ ด้วยระยะเวลานาน หลายล้านปี ทำให้วิวัฒนาการมันได้พัฒนาสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย และสิ่งนั้นมันก็คือครีบที่มีขนาดใหญ่ 4 ครีบ

และด้วยเหตุที่มีครีบขนาดใหญ่นี้เอง ทำให้มัน สามารถพยุงตัวในอากาศไปได้ไกลกว่าปกติ ชึ่งในกระบวนการบินของมัน มันจะแผ่ขยายครีบอก ทั้ง 4 ครีบออกกว้างขึ้น และ สะบัดหาง การสะบัดหาง มันสะบัดหางมากถึง 70 ครั้งต่อวินาที จากนั้นมันจะมาที่ผิวน้ำ ด้วยครีบที่กว้าง และรปร่างที่เหมาะสม ทำให้ผิวน้ำ ยะตัวมันขึ้น ด้วยการไถลไปบนผิวน้ำ และลมบนผิวของมหาสมุทรจะดันตัวมันขึ้น ผยุงตัวมันไว้

ตามข้อมูลแล้ว มันสามารถเดินทางด้วยความเร็วถึง 70 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง และสามารถ ไปได้ไกลถึง 164-665 ฟุต ต่อระยะการบิน 1 ครั้ง และสามารถบินได้ในความสูง 1.2 เมตร

ปลาพวกนี้มีสายพันธุ์ย่อยมากถึง 64 ชนิด แบ่งออกได้ 7-9 สกุล แต่ทั้งหมดเป็นปลาทะเลครับ พบได้ในเขตร้อน และกึ่งร้อนในเขตน้ำอุ่นทั่วโลก

และยังมีข้อมูลอีกว่า ปลาชนิดนี้เป็นปลาที่ไวต่อแสง ดังนั้น นักจับปลา จะใช้ เรือแคนนู โดยใส่น้ำไว้ข้างในเรือ โดยมีน้ำในปริมาณ ที่ทำให้ปลามีชีวิตอยู่ได้ แต่ไม่มีน้ำพอที่จะทำให้ปลาพยุงตัวขึ้นได้ ทำให้ปลานั้นมาเล่นแสงไป และกระโดดเข้าไปติดอยู่ในเรื่อเป็นจำนวนมาก

ปลาชนิดนี้ ยังไม่มีมาตรการอนุรักษ์ แต่อยู่ในสถานะที่ถูกล่ามากเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น