วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

The Starry Night : คืนที่ดาวพราวฟ้า

 ภาพนี้เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนพื้นผ้าใบ ขนาด 72 x 92 เซนติเมตรค่ะ วาดขึ้นที่ Saint-Remy ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1889 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ The Museum of Modern Art เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
Vincent William Van Gogh เป็นศิลปินแนว Impressionism ชื่อก้องโลกชาวดัตช์ เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1853 เขามีชีวิตที่แสนอาภัพ ตลอด 10 ปีที่ประกอบอาชีพเป็นจิตกร เขาไม่ประสบความสำเร็จเลย ภาพของเขาขายได้เพียงภาพเดียวเท่านั้นคือภาพ The Red Vineyard หลังจากที่ตัดหูข้างซ้ายของตนเองเพราะมีปัญหากับ Gauguin เขาก็ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลโรคจิต ระหว่างนี้เขาได้วาดภาพหลายภาพ รวมทั้งภาพ The Starry Night ชิ้นนี้ จากนั้นเขาก็ฆ่าตัวตายในวันที่ 27 กรกฎาคม 1890 และเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา
ภาพ The Starry Night ถูกวาดขึ้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1889 ในขณะที่เขาพำนักอยู่ที่โรงพยาบาลประสาท Saint Paul de Mausole ในเมือง Saint-Remy ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเขาย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1889 โดยมีน้องชายส่งเงินค่ารักษาไปให้

ระหว่างพักรักษาตัวอยู่ในโรง พยาบาลโรคประสาทที่ Saint-Remy เขาได้เขียนจดหมายไปหาน้องชายชื่อ ธีโอ ว่า "เมื่อเช้ามืดวันนี้ ก่อนตะวันขึ้นนานอยู่ ฉันมองออกนอกหน้าต่างไป ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากดาวรุ่งที่ดูดวงใหญ่ยิ่งนัก" ดาวรุ่งที่เขากล่าวถึงคือ ดาวศุกร์ค่ะ ซึ่งก็น่าจะเป็นดาวดวงใหญ่ระยิบระยับด้วยเป็นสีขาวที่อยู่ตรงกลางค่อนไปทาง ซ้ายในภาพวาดของเขานั่นล่ะ Van Gogh ไม่ได้นอนถึงสามคืนติดๆ กันเพื่อวาดภาพนี้ ซึ่งเขามองเห็นจากหน้าต่าง เพราะว่า "ยามค่ำคืนเป็นเวลาที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต และมีสีสันตระการตาไปยิ่งกว่ายามวันเป็นยิ่งนัก"
ในการวาดภาพนี้ Van Gogh ไม่ได้เพียงแค่บันทึกวิวจากหน้าต่างเท่านั้นนะคะ แต่เขาได้วาดภาพนี้ขึ้นจากจินตนาการของเขาด้วย ยอดแหลมของอาคารสีดำแสดงถึงโบสถ์ทั่วไปในฮอลแลนด์ บ้านเกิดของเขา แนวต้นไซเปรสในภาพนั้นก็เป็นสัญลักษณ์ของป่าช้าหรือความตาย โดยเขาได้วาดให้ดูเหมือนเปลวไฟที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินกับสรวงสวรรค์ เพราะสำหรับ Van Gogh แล้ว ความตายไม่ใช่ความร้ายกาจน่าสะพรึงกลัว แต่กลับเป็นหนทางไปสู่สรวงสวรรค์ของเขา...
"... มองดูดาวครั้งใด มักทำให้ฉันฝันไฝ่ไปเรื่อย... ฉันมักถามตัวเองเสมอว่า ทำอย่างไรนะ ฉันถึงจะได้เดินทางไปยังจุดขาวพราวพร่างกลางฟ้ามืด อย่างนี้ได้ง่ายๆ เหมือนเราเดินทางไปหาจุดดำบนแผนที่ประเทศฝรั่งเศสได้ไม่ยาก เช่น ด้วยการจับรถไฟไปเมืองทาราซอนหรือโรน เราก็น่าจะขี่ความตายไปหาดวงดาวได้เช่นกัน"
.......................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น