วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รักษาหวัดวิธีไหนดีที่สุด

เหตุการณ์น้ำท่วมจะส่งผลโรคภัยไวรัสมาใกล้ตัว เชื้อไวรัสที่คุ้นเคยก็ต้องเป็นเชื้อหวัด โรคฮิตที่มาเยี่ยมเยือนกันทุกปี ดูแลตัวเองวันนี้จึงพามารู้ทันหวัดและขั้นตอนการรักษาอย่างได้ผล 
มาเริ่มด้วยการทำความรู้จักเชื้อหวัดกันเลย

โรคหวัด หรือโรคเยื่อจมูกและคออักเสบเฉียบพลัน เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจส่วนบนได้แก่ จมูกและคอ เป็นกันมากในฤดูฝนและฤดูหนาว หรือในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง มักมีระยะโรคอยู่ที่ประมาณสามถึงห้าวัน เชื้อโรคที่ทำให้เป็นไข้หวัดคือเชื้อไวรัส

ลักษณะอาการของหวัด 

ปกติจะเริ่มด้วยอาการเจ็บคอแล้วหลังจากนั้นอาการต่างๆ จะเกิดเพราะร่างกายสร้างกลไกในการสกัดกั้นเชื้อโรค เช่น การจาม, น้ำมูกไหล, ไอ เนื่องจากร่างกายต้องการขับเชื้อออกมาและการอักเสบเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ผู้ป่วยอาจมีอาการเพิ่มเติมอีกคือ รู้สึกอ่อนเพลีย ครั่นเนื้อตัว เบื่ออาหาร มีน้ำมูก คัดจมูก ปวดหัวและเจ็บคอเล็กน้อย ไอแห้งหรือไอมีเสมหะปนไม่มาก มีไข้เป็นพักๆ 

รักษาหวัดวิธีไหนดีที่สุด
การแพร่เชื้อ  โรคหวัดเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย โดยวัยเด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงเนื่องจากมีภูมิต้านทานต่ำแล้วมีพฤติกรรมชอบคลุกคลีกัน ทางเข้าของเชื้อไวรัสคือ ทางตาและจมูกแล้วเข้าสู่กล่องเสียง เชื้อหวัดจะติดต่อมาจากน้ำมูกและน้ำลายขณะที่ไอหรือจาม ติดต่อได้ทั้งการสูดละอองโดยตรง หรือการสัมผัสกับสิ่งที่มีเชื้อติดอยู่ เช่น ของใช้ผู้ป่วย ที่จับประตู ไม่ก็เม้าส์ที่อยู่ในมือเราตอนนี้นี่ล่ะ!! 

ป้องกันการติดเชื้อ

ด้วยการไม่เข้าใกล้คนเป็นโรคหวัด กินวิตามินซีสร้างภูมิต้านทาน หากเป็นโรคหวัดเสียเอง ให้หาผ้าปิดปากและจมูกเอาไว้ หากไม่ได้ใช้ผ้าปิดปากเวลาที่ไอหรือจามให้ใช้กระดาษชำระปิดปากและจมูกกันเชื้อแพร่กระจาย 

วิธีการรักษา 

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่ายังไม่มียารักษาโรคหวัดได้โดยตรง เพราะเป็นไวรัสที่ร้ายกาจมาก แต่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเราสามารถต่อสู้กับโรคหวัดได้ ร่างกายจะทำการสร้างภูมิคุ้มกันและจัดการกับเชื้อโรคแปลกปลอมดังนั้นหากหวังจะรักษาเชื้อโรคหวัด การนอนหลับพักผ่อน ฟื้นฟูสภาพร่างกายให้แข็งแรงได้ผลดีกว่าการกินยาอีกนะ ลองมาอ่านอย่างละเอียดกันเลย เมื่อรู้ตัวเองว่าเป็นหวัดให้รีบทำการรักษาด้วย

วิธีต่างๆ ทำได้ดังนี้

พักผ่อนให้เพียงพอ โดยการนอนยาวเหมือนเดิม เมื่อเราพักผ่อนเพียงพอ ระบบต่างๆ ภายในก็ทำงานได้ดีด้วย โดยเฉพาะการต่อต้านเชื้อโรคหวัด ร่างกายจะผลิตโปรตีนขนาดใหญ่ในระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อตรวจจับและทำลายสิ่งแปลกปลอมในร่างกายและสร้างเม็ดเลือดขาวมาช่วยทำลายไวรัสอีกแรง การที่ไม่พักผ่อนฝืนใช้ร่างกายทำงานหนัก จะเสี่ยงให้อาการหวัดหนักจนรักษาให้หายยาก

กินอาหารต้านหวัด จะเป็นอีกตัวช่วยสำคัญให้หายเร็ว เริ่มจากการดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมาก เพื่อลดไข้และชดเชยน้ำที่ร่างกายเสียไปจากการตัวร้อน กินอาหารอ่อนย่อยง่าย อย่างเช่น ข้าวต้ม, ซุป, โจ๊ก เสริมด้วยผลไม้และผักพวก ต้นหอม, กระเทียม, ขิง ช่วยต้านหวัดได้ดี 

กินยา หลังจากทำสองอย่างข้างต้น แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ให้กินยาเพื่อช่วยระงับอาการต่างๆ เช่น ยา แอสไพริน หรือพาราเซตามอล เพื่อลดไข้ ส่วนอาการอื่นๆ อย่างอาการไอ, เจ็บคอ, มีน้ำมูก ถ้าไม่หนักไม่แนะนำให้กินยา เพราะการกินยาไม่ช่วยในการรักษาโรคหวัด 

ส่วนวิธีที่ดีสุดยอดที่สุดในการรักษาคือ “ไม่เป็นมันเสียเลย” ด้วยการดื่มน้ำมากๆ เป็นประจำ กินอาหารครบห้าหมู่ กินผักผลไม้ เสริมวิตามินซี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ใส่ใจสุขภาพในยามที่อากาศเปลี่ยนแปลง

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

The Starry Night : คืนที่ดาวพราวฟ้า

 ภาพนี้เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนพื้นผ้าใบ ขนาด 72 x 92 เซนติเมตรค่ะ วาดขึ้นที่ Saint-Remy ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1889 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ The Museum of Modern Art เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
Vincent William Van Gogh เป็นศิลปินแนว Impressionism ชื่อก้องโลกชาวดัตช์ เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1853 เขามีชีวิตที่แสนอาภัพ ตลอด 10 ปีที่ประกอบอาชีพเป็นจิตกร เขาไม่ประสบความสำเร็จเลย ภาพของเขาขายได้เพียงภาพเดียวเท่านั้นคือภาพ The Red Vineyard หลังจากที่ตัดหูข้างซ้ายของตนเองเพราะมีปัญหากับ Gauguin เขาก็ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลโรคจิต ระหว่างนี้เขาได้วาดภาพหลายภาพ รวมทั้งภาพ The Starry Night ชิ้นนี้ จากนั้นเขาก็ฆ่าตัวตายในวันที่ 27 กรกฎาคม 1890 และเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา
ภาพ The Starry Night ถูกวาดขึ้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1889 ในขณะที่เขาพำนักอยู่ที่โรงพยาบาลประสาท Saint Paul de Mausole ในเมือง Saint-Remy ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเขาย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1889 โดยมีน้องชายส่งเงินค่ารักษาไปให้

ระหว่างพักรักษาตัวอยู่ในโรง พยาบาลโรคประสาทที่ Saint-Remy เขาได้เขียนจดหมายไปหาน้องชายชื่อ ธีโอ ว่า "เมื่อเช้ามืดวันนี้ ก่อนตะวันขึ้นนานอยู่ ฉันมองออกนอกหน้าต่างไป ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากดาวรุ่งที่ดูดวงใหญ่ยิ่งนัก" ดาวรุ่งที่เขากล่าวถึงคือ ดาวศุกร์ค่ะ ซึ่งก็น่าจะเป็นดาวดวงใหญ่ระยิบระยับด้วยเป็นสีขาวที่อยู่ตรงกลางค่อนไปทาง ซ้ายในภาพวาดของเขานั่นล่ะ Van Gogh ไม่ได้นอนถึงสามคืนติดๆ กันเพื่อวาดภาพนี้ ซึ่งเขามองเห็นจากหน้าต่าง เพราะว่า "ยามค่ำคืนเป็นเวลาที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต และมีสีสันตระการตาไปยิ่งกว่ายามวันเป็นยิ่งนัก"
ในการวาดภาพนี้ Van Gogh ไม่ได้เพียงแค่บันทึกวิวจากหน้าต่างเท่านั้นนะคะ แต่เขาได้วาดภาพนี้ขึ้นจากจินตนาการของเขาด้วย ยอดแหลมของอาคารสีดำแสดงถึงโบสถ์ทั่วไปในฮอลแลนด์ บ้านเกิดของเขา แนวต้นไซเปรสในภาพนั้นก็เป็นสัญลักษณ์ของป่าช้าหรือความตาย โดยเขาได้วาดให้ดูเหมือนเปลวไฟที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินกับสรวงสวรรค์ เพราะสำหรับ Van Gogh แล้ว ความตายไม่ใช่ความร้ายกาจน่าสะพรึงกลัว แต่กลับเป็นหนทางไปสู่สรวงสวรรค์ของเขา...
"... มองดูดาวครั้งใด มักทำให้ฉันฝันไฝ่ไปเรื่อย... ฉันมักถามตัวเองเสมอว่า ทำอย่างไรนะ ฉันถึงจะได้เดินทางไปยังจุดขาวพราวพร่างกลางฟ้ามืด อย่างนี้ได้ง่ายๆ เหมือนเราเดินทางไปหาจุดดำบนแผนที่ประเทศฝรั่งเศสได้ไม่ยาก เช่น ด้วยการจับรถไฟไปเมืองทาราซอนหรือโรน เราก็น่าจะขี่ความตายไปหาดวงดาวได้เช่นกัน"
.......................................

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

6 น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก

**มีเรื่องถกเถียงกันเรื่องน้ำตกว่าที่ไหนสวยกว่ากัน แบบว่ารักพี่เสียดายน้อง... อันนี้ เห็นว่าแล้วแต่มุมมอง คือ "มองเห็นความสวยในแต่ละมุมบวกกับจินตนาการของคนมอง" **

Plitvice falls (น้ำตกพลิทไวซ์ โครเอเชีย)

อยู่ในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ : Plitvice Lakes National Park ตั้งอยู่ในดินแดนทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ในส่วนของประเทศโครเอเชีย(Croatia) แม่น้ำโครานา(Korana) ทำให้เกิดทะเลสาบ 20 แห่งไหลผ่านหินปูนและหินชอล์ก ระหว่างทะเลสาบมีน้ำตกหลายแห่งและชั้นหลากหลายทีชวนมหัศจรรย์ หนึ่งในป่าไม้ที่มีอายุมากรุ่นสุดท้ายในยุโรป ภูมิประเทศเป็นที่มหัศจรรย์บ่งบอกถึงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ทะเลสาบถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ชั้นบนและชั้นล่าง

ธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ เป็นสถานที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์ให้สัมผัสที่แตกต่างจากที่ อื่นทั่วโลก นักท่องเที่ยวจึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก การสร้างสรรค์รูปร่างหน้าตาของที่พักและ ทึ่งกับความงามของพื้นที่มาจากของธรรมชาติเองที่มีความแตกต่างและกลมกลืน ของรูปร่างและสีสันในแต่ละฤดูกาล หลากหลายเงื่อนไขพื้นฐานร่วมกันของลักษณะธรรมชาติ

การเปลี่ยนของสภาพอากาศตามฤดูกาลระหว่างชายฝั่ง และเขตภาคพื้นทวีปมวลอากาศขนาดเล็กจำนวนมากทำให้เกิดฤดูร้อนแสนสบายและแสง แดด ขณะที่ส่วนอื่นยังคงเป็นฤดูหนาวต่อเนื่องไประยะยาวทั้งอากาศเย็นที่รุนแรง และหิมะจำนวนมาก มีพื้นที่ป่าไม้ที่กว้างใหญ่ซ้ำซ้อนในเขตพื้นที่อุทยาน บางส่วนของอุทยานถูกคุ้มครองเป็นพิเศษเป็นป่าสงวน พฤกษชาติถูกกำหนดเป็นลักษณะของป่ายุคแรกของโลก สถานที่และเงือนไขการความเป็นอยู่ที่หลากหลาย ทำให้เป็นไปได้ว่าจำนวนของชนิดของพืชและสัตว์น้ำและสัตว์บกในเขตพื้นที่ของ อุทยาน จะเจริญเติบโตต่อไปโดยไม่มีผลกระทบ
อุทยานแห่งนี้ได้จัดเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก(UNESCO) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979

อ่านเพิ่มเติม : Plitvice Lakes National Park 

Jiulong falls (น้ำตกจิ่วหลง)

 
น้ำตกจิ่วหลง หรือน้ำตกเก้ามังกร เป็นน้ำตกที่สวยที่สุด 1 ใน 6 แห่งของจีน โดยการจัดอันดับของ Chaina National Geography Magazin
น้ำ ตกจิ่วหลง อยู่ที่ Luoping City, Qujing City of Yunnan Province มีปริมาณการไหลของน้ำโดยเฉลี่ย 18.3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนของน้ำตกที่กว้างที่สุด คือ 112 เมตร และสู 56 เมตร สามารถได้ยินเสียงน้ำตกไปไกลถึง 2 กม.
ฤดูท่องเที่ยวของที่นี่ คือ Summer and autumn.

 อ่านเพื่มเติม : http://www.luopan.com/t/en_US/655000L000001.html

 Huangguoshu Falls (น้ำตกหวงกว่อซู่)

น้ำตกหวงกว่อซู่ น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน สูง 68 เมตร กว้าง 84 เมตรอันตระการตา และจุดเด่นของน้ำตกหวงกว่อซู่ คือเป็นน้ำตกที่สามารถชมวิวได้ทั้งจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังน้ำตก เป็นอีกความงามที่ธรรมชาติได้บรรจงไว้ให้ น้ำตกหวง กว่อซู่ ประกอบด้วย 3 อัศจรรย์ คือเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย วิวสวยมหัศจรรย์ชมได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ฟองของน้ำใสกระจายดุจดังสำลี ยามกลางวันจะเกิดสีรุ้ง และสายหมอกบางๆ ในยามเย็น น้ำตกมีหลายชั้นจะเป็นน้ำตกซ้อนน้ำตก ถ้ำสุ่ยเหลียน ถ้ำที่อยู่ด้านหลังของน้ำตก และมีน้ำตกลูกอยู่ด้านในถ้ำอีกที ซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องไซอิ๋ว นำท่านเดินผ่านม่านน้ำตก ชมสายน้ำที่ตกย้อยผ่านหน้าท่านประดุจม่านผืนใหญ่ 

อ่านเพื่มเติม : http://china.citw2008.com/html/2006/1104/955.shtml

Victoria Falls (น้ำตกวิคตอเรีย)

น้ำตกวิกตอเรีย (Victoria Falls) หรือโมซิ-โอวา-ทุนยา (Mosi-oa-Tunya; ควันที่ส่งเสียงร้องคำราม)ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของประเทศแซมเบีย และ ประเทศซิมบับเว เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถูกค้นพบครั้งแรกโดย ดร.เดวิด ลิฟวิงสโตนในปี ค.ศ. 1855 ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อน้ำตกนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชินีวิกตอเรีย

น้ำตกวิกตอเรียเกิดจากแม่น้ำซัมเบซีซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนของสองประเทศ ตกลงมาสู่แอ่งลึก น้ำตกมีขนาดกว้างกว่า 1690 เมตร สูงประมาณ 60-100 เมตร น้ำตกวิกตอเรียสามารถแบ่งเป็น 4 ส่วนย่อย ได้แก่ น้ำตกปีศาจ น้ำตกหลัก น้ำตกสายรุ้ง และน้ำตกตะวันออก ไอน้ำจากน้ำตกวิกตอเรียสามารถมองเห็นได้จากระยะทาง 20 กิโลเมตร.... น้ำตกวิคตอเรีย เป็นน้ำตกที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านมากที่สุด

น้ำตกวิกตอเรียได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2532 ปัจจุบันน้ำตกวิกตอเรียเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญ ของประเทศแซมเบียและประเทศซิมบับเว จึงมีการสร้างโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในทั้งสองประเทศ แต่การพัฒนาเหล่านี้ขาดการควบคุมจัดการที่ดีองค์การยูเนสโกจึงเคยพิจารณาจะ ถอนน้ำตกวิกตอเรียออกจากการเป็นมรดกโลก


Iguazu Falls (น้ำตกอีกวาซู) 

น้ำตกอีกวาซู (Iguazu Falls) คำว่าอีกวาซู แปลว่า "สายน้ำอันยิ่งใหญ่" เป็นคำมาจากภาษากวารานี (Guarani)ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม น้ำตกอีกวาซูตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศ อาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก โดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่า อย่างไรก็ตามขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรียในทวีปแอฟริกา

น้ำตกอีกวาซูเกิดจากแม่น้ำอีกวาซูซึ่งไหลมาจากที่ราบสูงปารานา ตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบต่ำกว่า จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกน้อยใหญ่อีก 275 แห่ง ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมปริมาณน้ำมีมากถึงกว่า 13.6 ล้านลิตรต่อวินาที แต่ในช่วงฤดูร้อน คือระหว่างเมษายนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำจะลดลงเหลือ 2.3 ล้านลิตรต่อวินาที บริเวณรอบ ๆ น้ำตกจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตร บนฝั่งประเทศบราซิลจะมองเห็นน้ำตกได้ทั่วถึงและงดงาม แต่ทางฝั่งประเทศอาร์เจนตินาสามารถเข้าชมน้ำตกได้ใกล้กว่า

 ที่มา : วิกิพีเดีย

Thi lo su (น้ำตกทีลอซู)

น้ำตกทีลอซู ตั้ง อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ห่างจากที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำ มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชีย

ตามความจริงต้องออกเสียงว่า "ทีลอชู" และเป็นคำนามในภาษากะเหรี่ยงแปลว่า "น้ำตก" ชื่อ "ทีลอซู" เป็นความพยายามแปลความหมายทีละคำ โดย "ที" หรือ "ทิ" แปลว่า "น้ำ" "ลอ" หรือ "ล่อ" แปลว่า "ตก" แต่ "ชู" ไม่มีความหมายใกล้เคียง ดังนั้น จึงมีความพยายามทำให้เป็นคำที่มีความหมาย เนื่องจาก "ซู" แปลว่า "ดำ" จึงนำไปสู่การเรียกว่า "ทีลอซู" และแปลว่า "น้ำตกดำ"

ทีลอซู ได้รับคำกล่าวขานถึงว่าเป็นน้ำตกที่สวยงาม และมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ระหว่าง 1 มิ.ย. - 31 พ.ย. ปริมาณน้ำฝนที่มากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธารทำให้สายน้ำตกกว้างใหญ่กว่าฤดู อื่น แต่เป็นช่วงที่ทางรถเข้าน้ำตกปิด เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้ใช้เส้นทางและถนอมสภาพทางไม่ให้เสียหาย นักท่องเที่ยวอาจเลี่ยงใช้เส้นทางนี้ได้ โดยการซื้อทัวร์กับบริษัทนำเที่ยวซึ่งจะเดินทางด้วยเรือยางและเดินป่าอีกราว 12 กม.แต่หากมาท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาว - ฤดูร้อนระหว่าง 1 ธ.ค. - 31 พ.ค. ก็สามารถใช้ทางรถยนต์เข้าน้ำตกได้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เที่ยวได้สะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเที่ยวแบบไปกลับหรือพักค้างแรม

ประวัติ น้ำตกทีลอซู

ทีลอซูได้รับการค้นพบโดยพรานชาวกะเหรี่ยงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาล่าสัตว์ ก่อนที่ ตชด.ได้บินเข้ามาสำรวจในพื้นที่และได้พบน้ำตกทีลอชู ต่อมากรมป่าไม้จะประกาศให้บริเวณนี้เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง และหลังจากปี พ.ศ. 2528 ที่ อ. ปรีชา อินทวงศ์ พาบุคลากรของนิตยสารท่องเที่ยวแคมปิง เข้าไปสำรวจ น้ำตกทีลอซู ก็เป็นที่รู้จักและเป็นที่ท้าทายของนักเดินทาง "ทีลอซู" แปลว่าน้ำตกใหญ่หรือน้ำตกดำ น้ำตกนี้ซ่อนอยู่ในหลืบผาอันกว้างใหญ่ สายน้ำเกิดจากห้วยกล้อทอซึ่งมีแดนกำเนิดอยู่บนดอยผะวี แล้วไหลลงแม่น้ำแม่กลองที่ ต. แม่ละมุ้ง อ. อุ้มผาง

การค้นพบที่ กล่าวถึงเป็นการพบของคนไทย จากงานของ ประชา แม่จัน ในหนังสือ "อุ้มผาง เบื้องหลังธรรมชาติ"เขียนถึง บริเวณที่ตั้งแคมป์ทีลอชู เป็นบ้านเก่าชาวปกากะญอ (กะเหรี่ยง) เรียกว่า "ว่าชื่อคี" บริเวณที่จอดรถเป็นที่นาเก่าของชาวบ้านที่นี่ การที่เป็นบ้านร้างเพราะชาวบ้านบางส่วนได้ย้ายไปอยู่บ้านโขะทะเพื่อเข้าร่วม กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่เหลือย้ายเข้ามาอยู่กับฝ่ายรัฐบาล ดังนั้น ชาวปกากะญอที่นี่รู้จักน้ำตกทีลอชูมาช้านานแล้ว

ที่มา : วิกิพีเดีย

Angel Falls (น้ำตกเเอนเจล)
น้ำตกแอนเจล(Angel falls)ตั้งอยู่กลางป่าดงดิบประเทศเวเนซุเอลาเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในโลก
สูงกว่าน้ำตกไนแองการา 18 เท่า มีความสูงกว่า 979 เมตร ซึ่งผู้ทีจะเข้าไปชมน้ำตก สามารถเข้าไปทางเรือและเครื่องบินเท่านั้น
ชื่อน้ำตกมาจากนักบินชาวอเมริกัน ชื่อ จิมมี เอเนเจล ผู้ค้นพบน้ำตกเป็นคนแรก เมื่อปี ค.ศ. 1935

อ่านเพิ่มเติม : http://www.wonder7th.com/wonder_natural/013angel_falls.htm

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ํYoghurT

***โยเกิร์ตเป็นคำผสมของชนเผ่าทราเซียน ระหว่าง คำว่า "yog" แปลว่า หนาหรือข้น และ “urt” แปลว่า น้ำนม รวมกันเป็น "yoghurt”

โดยจะเก็บรักษาน้ำนมไว้ในถุงที่ทำจากหนังแกะ เมื่อออกเดินทางไปที่ไหนก็เอาถุงคาดเอวไว้และขณะที่โดนกับความร้อนของร่างกายทำให้จุลินทรีย์ในน้ำนม เกิดการหมักและเปลี่ยนน้ำนมเป็นโยเกิร์ต...

ทั้งนี้ในยุคโบราณราวศตวรรษที่ 4 ถึง 6 ก่อนคริสตกาล ชาวทราเซียนมีวิธีการเก็บรักษาน้ำนมไว้ในถุงที่ทำจากหนังแกะ เวลาไปไหนต่อไหนก็เอาถุงนี้คาดเอวไว้ ความอบอุ่นจากร่างกายร่วมกับจุลชีพที่มีอยู่ในหนังแกะ ช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการหมักขึ้น น้ำนมในถุงก็กลายสภาพเป็นโยเกิร์ตไป

ขณะที่นักวิทยาศาสตร์บางคนสันนิษฐานว่า สิ่งที่มีมาก่อนโยเกิร์ต น่าจะเป็นน้ำนมหมักที่ใช้ดื่ม เรียกว่า คูมิส (Kumis)น้ำนมชนิดนี้ทำมาจากน้ำนมม้า ที่อาจมีต้นกำเนิดมาจากชนเผ่าเรร่อนที่อพยพย้ายถิ่นฐานจากทวีปเอเชียมายังคาบสมุทรมัลข่าน ในปี ค.ศ.681 แม้ว่าโยเกิร์ตจะถือกำเนิดในบัลแกเรียมานานแต่ในยุโรปตะวันตกปรากฏบันทึกเกี่ยวกับโยเกิร์ตของศาสตราจารย์คริสโต โชมาคอฟรายงานไว้ในหนังสือ Bulgarian Yoghurt-Health and Longerity ที่ระบุว่าในศตวรรษที่ 16 เมื่อกษัตริย์ฟรานซิสที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ทรงประชวรมีพระอาการปั่นป่วนในท้อง แพทย์ชาวตุรกีผู้หนึ่งจึงทำการรักษาโดยให้เสวยโยเกิร์ตที่นำมาจากบัลแกเรีย 

นมเปรี้ยว หรือ โยเกิร์ต - yoghurt (ภาษาอังกฤษใช้คำนี้เรียกรวม ๆ ทั้งนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นมสด นมพร่องมันเนย หรือ นมถั่วเหลือง โดยการใช้แบคทีเรีย แลคโตบาซิลัส เอซิโดซิส และ สเตรปโตคอคคัส เทอร์โมฟิลลัส เป็นหลักใส่ลงไปหมักผลิตภัณฑ์นมต่างๆ

มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ
1. เป็นนมเปรี้ยวที่มีลักษณะเป็นน้ำคล้ายเครื่องดื่ม
2. เป็นนมเปรี้ยวที่มีลักษณะเหลวข้นที่เรียกว่า โยเกิร์ต

แบคทีเรียเหล่านี้ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมให้เป็นกรดแลคติค ทำให้มีภาวะกรดและมีรสเปรี้ยวโดยมีความเป็นกรด-เบสอยู่ระหว่าง 3.8-4.6 วิธีการทำโยเกิร์ตในสมัยโบราณ จากบันทึกหลายๆแห่งเขียนตรงกันว่าโยเกิร์ตเป็นอาหารที่รวมอยู่ในโภชนาการของชนเผ่าทราเซียน อันเป็นบรรพบุรุษเก่าแก่ที่สุดของชาวบัลแกเรีย โดยชาวทราเซียนนี้ทำมาหากินด้วยการประกอบอาชีพเลี้ยงแกะ

*เวลาท้องเสียเป็นเพราะมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้ แต่เชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดเลวทั้งหลาย การกินโยเกิร์ตจึงทำให้อาการท้องเสียทุเลาอย่างรวดเร็ว ทำให้ถ่ายน้อยลงหรือหยุดถ่าย
*โยเกิร์ตมีไขมันชื่อคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
*โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย เป็นแหล่งรวมของสารอาหารถึง 11 ชนิด และแต่ละชนิดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย อย่างไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 2 โปรตีน วิตามินบี 12 ทริปโทฟาน โพแทสเซียม โมลิปเดนัม สังกะสี และวิตามินบี 5
*โยเกิร์ตให้โปรตีนและแคลเซียมสูงกว่านมธรรมดา เพราะลำไส้ย่อยนมไม่ได้ แต่สำหรับโยเกิร์ตสามารถทำได้ เพราะในโยเกิร์ตมีกรดแลกติกที่จะช่วยย่อยแคลเซียมให้เล็กลง ทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้
*จุลินทรีย์ทั่วไปอาจทำร้ายร่างกาย แต่แลคโตบาสิลัสในโยเกิร์ตเป็นจุลินทรีย์ชนิดดี ที่ร่างกายต้องการเพราะจะไปหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อ "เฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร" ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ลดการอักเสบของลำไส้และไขข้อ แถมยังทำตัวเป็นนักปราบปรามจุลินทรีย์ที่จะทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วงที่มีรอบเดือนผู้หญิงจึงควรทานโยเกิร์ตเป็นประจำ
*แคลเซียมสูงที่ได้จากโยเกิร์ตจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ความดันสูง มะเร็งลำไส้ และยังกระตุ้นระบบเผาผลาญทำให้ผอมเองโดยไม่ต้องเหนื่อย
*ทำให้ปากสะอาด กำจัดกลิ่นปากและโรคเหงือก
*เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะแบคทีเรียในโยเกิร์ตทำให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินเคและบีในลำไส้ได้ดีขึ้น

***ปิดท้ายด้วยการให้ความรู้เพิ่มเติมกับผู้อ่านสักนิดว่า 
โยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม โดยการใช้แบคทีเรีย แลคโตบาซิลัส เอซิโดซิส และสเตรปโตคอคคัส เทอร์โมฟิลลัส เป็นหลักใส่ลงไปหมักผลิตภัณฑ์นมต่างๆ แบคทีเรียเหล่านี้ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมให้เป็นกรดแลคติค ทำให้มีภาวะกรดและมีรสเปรี้ยว ก่อนจะมีการพัฒนารสชาติให้ถูกปากผู้บริโภคเรื่อยมา