วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กำเนิดกาแฟ (The Coffee Trail: Origins of the Muslim beverage)

กาแฟถูกคิดค้นขึ้นมาโดยชาวมุสลิมในศตวรรษที่ 9 เรื่องมีอยู่ว่า ชายอาหรับชื่อ คาลิด (Khalid) กำลังเลี้ยงแพะอยู่ที่คัฟฟา (Kaffa) ภาค ใต้ของประเทศเอธิโอเปีย เขาสังเกตเห็นว่า หลังจากแพะของเขากินผลไม้เล็กๆบางชนิดแล้ว พวกมันจะมีชีวิตชีวาขึ้น เขาเลยต้มผลไม้เหล่านี้เพื่อทำกาแฟชนิดแรกของโลก จากนั้นกาแฟถูกนำจากเอธิโอเปียไปยังประเทศเยเมน ซึ่งชาวเยเมนเรียกว่า ‘อัล-ฆาฮ์วา’ (Al-Qahwa) เชื่อกันว่าคนกลุ่มแรกที่นิยมดื่มกาแฟคือชาวมุสลิมซูฟี ซึ่งใช้กาแฟเป็นสารกระตุ้นให้ไม่ง่วงนอน สามารถซิเกรต่อพระเจ้าได้ตลอดทั้งคืน ในปลายศตวรรษที่ 15 เครื่องดื่มนี้ถูกนำไปยังเมืองเมกกะ ซาอุดิอารเบีย แล้วไปยังตุรกี และไคโร อียิปต์ ในศตวรรษที่ 16 จากนั้นกาแฟแพร่หลายไปทั่วโลกมุสลิมผ่านทางนักเดินทางผู้แสวงบุญ (ประกอบพิธีฮัจย์ที่เมกกะ) และพ่อค้า


คำเรียก ‘กาแฟ’ ในภาษาอารบิกว่า ‘ฆาฮ์วา’ (qahwa) ได้กลายมาเป็น ‘คาฮ์เว’ (kahve) ในภาษาตุรกี จากนั้นกลายมาเป็นภาษาอิตาเลียนว่า ‘คาฟเฟ’ (caffe) จนในที่สุดกลายมาเป็นภาษาอังกฤษว่า คอฟฟี่ (coffee หรือ กาแฟ ในภาษาไทย)


กาแฟในอิตาลี

บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่ากาแฟแพร่เข้าสู่ยุโรปครั้งแรกผ่านทางอิตาลี โดยการค้าระหว่างเวนิซกับอาฟริกาเหนือ, อียิปต์, และโลกตะวันออก ซึ่งนำสินค้าจากโลกมุสลิม, รวมทั้งกาแฟด้วย, ไปยังเวนิซ ซึ่งเป็นท่าเรือชั้นนำของยุโรป ต่อมาเมื่อได้ลิ้มรสกาแฟแล้ว พ่อค้าเมืองเวนิซก็รู้ว่าสามารถทำเงินจากสินค้าชนิดนี้ได้แน่ๆ พวกเขาเลยเร่งนำเข้ากาแฟกันขนานใหญ่ตั้งแต่ปี 1570 เป็นต้นมา ตอนแรกแพร่เข้าสู่วงสังคมชั้นสูงก่อน จากนั้นไปสู่คนทุกระดับ

ร้าน กาแฟแห่งแรกของเวนิซเปิดขึ้นในปี 1645 จากนั้นภายในร้อยปีเศษคือปี 1763 เวนิซมีร้านกาแฟอย่างน้อยก็ 218 แห่ง ท้ายที่สุด กาแฟก็กลายเป็นสินค้าหลักระหว่างเวนิซและเมืองต่างๆ เช่น อมาลฟี ตูริน เจนัว มิลาน ฟลอเรนซ์ และโรม และต่อมาก็แพร่หลายสู่เมืองอื่นๆ ในยุโรป


กาแฟในอังกฤษ

ร้านกาแฟแห่งแรกในอังกฤษเปิดขึ้นในปี 1650 โดยนักธุรกิจชื่อ ‘จาคอบ’ ร้านของเขาตั้งอยู่ที่แองเจิล เขตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของอีสต์ออกซ์ฟอร์ด

ดาร์บี (Darby) ระบุว่า กาแฟแพร่เข้าสู่อังกฤษผ่านการติดต่อกับจักรวรรดิออตโตมัน โดยพ่อค้าตุรกีชื่อ ‘ปาสกัว โรซี’ (Pasqua Rosee) เป็นคนแรกที่ขายกาแฟที่ร้านกาแฟในจอร์จ-ยาร์ด, ลอมบาร์ดสตรีท ลอนดอน

ต่อมาในปี 1658 ร้านกาแฟอีกแห่งหนึ่งก็เปิดขึ้นมาที่คอร์นฮิลล์ ชื่อร้าน ‘สุลต่านเนสเฮด’ (Sultaness Head) และเพียง 50 ปีให้หลัง ในปี 1700 ลอนดอนมีร้านกาแฟถึง 500 แห่ง


กาแฟในฝรั่งเศส

กัลแลนด์ (Galland) ได้ระบุว่า กาแฟแพร่เข้าสู่ฝรั่งเศสครั้งแรกในปี 1644 โดยชายชาวมาร์กเซยนำเมล็ดกาแฟกลับมาจากอิสตันบุล เขามิได้นำกลับมาแค่กาแฟ แต่ขนเครื่องต้มกาแฟมาด้วย

ใน ปี 1671 ร้านกาแฟแห่งแรกของฝรั่งเศสก็ถือกำเนิดขึ้นมาที่เมืองมาร์กเซยในย่านแลก เปลี่ยนเงินตรา และต่อมาแพร่ไปสู่เมืองอื่นๆ ของฝรั่งเศส


กาแฟในประเทศอื่นๆ ของยุโรป

หลังจากอิตาลี อังกฤษ และฝรั่งเศสแล้ว ประเทศอื่นๆ ก็เริ่มนิยมดื่มกาแฟ อย่างเช่นที่เยอรมนี หลังจากกองทัพออตโตมันต้องพ่ายไปหลังล้อมกรุงเวียนนาในปี 1683 สิ่งที่กองทัพเติร์กทิ้งไว้หลังเลิกทัพก็คือเมล็ดกาแฟจำนวนมหาศาล กองทัพยุโรปที่ยกมาช่วยออสเตรียในตอนนั้น, รวมทั้งเยอรมันและโปแลนด์และประเทศอื่นๆ, ต่างก็ขนเมล็ดกาแฟกลับบ้านเกิดเมืองนอน อย่างไรก็ตาม กว่าเยอรมนีจะมีร้านกาแฟห่งแรกก็ปาเข้าไปในปี 1720

ในขณะที่ชาวดัทช์ (เนเธอร์แลนด์) รู้จัก เมล็ดกาแฟจากชาวมุสลิมในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นพวกเขาก็ทำไร่กาแฟขนาดใหญ่ที่เกาะชวา อินโดนีเซีย ซึ่งในขณะนั้นเป็นอาณานิคมของดัทช์ และพ่อค้าดัทช์ก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้เมื่อกลายเป็นผู้นำในการนำเข้า และจำหน่ายกาแฟของยุโรป


กาแฟในทวีปอเมริกา

ฝรั่งเศส เป็นผู้นำกาแฟสู่ทวีปอเมริกาผ่านส่วนต่างๆ ของทวีปที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในขณะนั้น โดยได้เริ่มทำไร่กาแฟที่มาร์ตินิคและเวสต์อินดีส

ครัวซองต์ (croissant)


เมื่อมีกาแฟก็ต้องมีครัวซองต์ ถือเป็นของคู่กันสำหรับมื้อเช้า ตำนานมีหลายแบบ แต่ที่ฮิตสุดก็คือครัวซองต์เกิดขึ้นในปี 1686 เมื่อคนทำขนมปังชาวฮังกาเรียนได้ทำขนมปังรูปจันทร์เสี้ยว (เครสเซนต์ – Crescent) ขึ้นมารับประทานเพื่อฉลองชัยชนะที่มีต่อกองทัพจักรวรรดิมุสลิมออตโตมันเติร์ก (เติร์กล้อมกรุงเวียนนา) ทั้งนี้เพราะธงจักรวรรดิออตโตมันเป็นรูปดาวและจันทร์เสี้ยว ในเวลาต่อมาขนมปังรูปเครสเซนต์หรือจันทร์เสี้ยวนี้ก็เรียกกันทั่วโลกว่า ‘ครัวซองต์ – croissant’ ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส (เรียก ว่ากินซะให้หายแค้น เนื่องจากฮังการีเป็นอาณานิคมของพวกมุสลิมเติร์กซะหลายร้อยปี ดาวและจันทร์เสี้ยวคือสัญลักษณ์ของจักรวรรดิออตโตมันที่เป็นผู้นำของโลก มุสลิมมา 600 ปีเต็มจนสิ้นสุดในปีค.ศ.1922 คนส่วนใหญ่ก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสัญลักษณ์ของอิสลาม ทั้งๆ ที่อิสลามไม่มีสัญลักษณ์ใดๆ – อีกประการหนึ่ง ตำนานครัวซองต์มีหลายเวอร์ชั่น แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับออตโตมัน – ผู้แปล)

บทสรุป

บทความชิ้นนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทด้านอื่นๆ ของโลกมุสลิมที่มีต่อยุโรป นอกเหนือไปจากด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปะ และสถาปัตยกรรม โลกมุสลิมมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมยุโรปแม้กระทั่งอาหารและเครื่องดื่ม และเรื่องราวของกาแฟก็เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของบทบาทชาวมุสลิมเท่านั้น

10 เรื่องง่ายๆ ในชีวิต เพื่อทำให้สุขภาพดีได้ไม่ยาก

1. สำรองผลไม้ไว้ในตู้เย็น ได้แก่ กะหล่ำปลี แครอท ส้ม แอปเปิ้ล ซึ่งนอกจากจะได้ไดเอตแล้ว การรับประทานผัก & ผลไม้ประจำ ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย


2. เหงือกดีด้วยน้ำชายามเช้า องค์การอาหารและยาของสหรัฐและสวีเดน บอกว่าการบ้วนปากในช่วงเช้าด้วยน้ำชา จะช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก เนื่องจากสารโพลีฟีนอล จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของฟันผุ

3. ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 5 แก้ว ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50% เชียวล่ะ

4. เปลือยเท้า คลายเคลียด การย่ำเท้าเปล่าไปบนทรายนุ่มๆ จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5. รับแสงแดดอ่อน มีข้อมูลจากการวิจัยระบุว่า ผู้หญิงที่ไม่ค่อยโดนแดดเอาเสียเลย มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้หญิง ที่อยู่ในเมืองที่มีแดด เนื่องจากแสงแดดช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย เราควรรับแดดอ่อนๆ ในช่วงเย็น

6. หันมาทานขนมปังโฮลวีทกันเถอะ สำหรับอาหารว่างยามบ่าย แทนที่จะทานคุ๊กกี้หรือเค้ก เปลี่ยนมาทานขนมปังโฮลวีทสัก 2 แผ่น รับรองว่า จะช่วยให้คุณมีกำลังวังชา และยังไม่อ้วนอีกด้วย

7. สลัดปลาทูน่าเพิ่มความจำ ใครที่รู้ตัวว่า เริ่มจะหลงๆ ลืมๆ ลองหันมาทานสลัดปลาทูน่า หรืออาหารเมนูปลา รวมทั้งเพิ่มอาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น ไข่ ถั่วเหลือง นม นอกจากจะช่วยให้อารมณ์ดี ยังช่วยเพิ่มพลังความจำให้กับสมองได้

8. เดินไวๆ ช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง ลองเดินให้ไวขึ้นอีกนิด อาจใช้เวลาเดินในช่วงเช้า หรือหลังเลิกงาน ให้ได้วันละ 20 นาที จะช่วยบริหารหลอดเลือด หัวใจให้แข็งแรง และยังให้หุ่นสลิมสมส่วนเป็นของแถม

9. เติมไขมันดีๆ ให้ร่างกาย ไขมันไม่ได้เป็นผู้ร้ายซะทีเดียว เพราะมีไขมันหลายชนิดที่เป็นมิตรกับร่างกายนะ หากร่างกายขาดแคลน อาจมีผลต่อ การดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค และจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลียได้ เลือกทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว จากน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่ว และไขมันโอเมก้า 3 จากปลา ไม่เพียงให้พลังงาน ทำให้มีเรี่ยวแรง ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจด้วย

10. JUST DO NOTHING ลองหยุดภาระวุ่นๆ สักสัปดาห์ละวัน หรือวันละ 1 ชม. ให้ปลอดจากเรื่องงาน และคนรอบข้าง ให้เวลาอยู่คนเดียว ตามลำพัง จะช่วยให้คุณรู้สึกสงบ อาจจะฟังเพลงเงียบๆ หรืออาบน้ำอุ่นๆ แล้วอ่านหนังสือเล่มโปรด ชมดอกไม้ เป็นการเติมความรื่นรมย์ทางด้านจิตใจ ทำให้คุณสดชื่น และมีความสุข และให้ห่างไกลจากโรครีบร้อน เร่งรีบ จนแทบไม่มีเวลาสำหรับตัวเอง

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Les fruits[ผลไม้]

cassis [n.m.] กา-ซิส (ผลตระกูล) กูสเบอรี่ (สีดำ)

cerise [n.f.] เซอ-รีส(เซอ) เชอรี่

citron [n.m.] ซิ-โทรง มะนาว

châtaigne [n.f.] ชา-แตน(เยอ) ผลเกาลัด

datte [n.f.] ดัต(เตอ) ผลอินทผลัม

figue [n.f.] ฟีก(เกอ) ผลมะเดื่อ

olive [n.f.] โอ-ลีฟ(เวอ) มะกอก

orange [n.f.] โอ-รอง(เชอ) ส้ม

pamplemousse [n.m.] ปอง-เปลอ-มูส(เซอ) ส้มเกลี้ยง

pastèque [n.f.] ปาส-แตก(เกอ) แตงโม

pêche [n.f.] แปช(เชอ) ลูกพีช (ผลท้อ)

poire [n.f.] ปัว(เรอ) ผลสาลี่

abricot (m) อาบริโก แอพริคอท

amande (f) อามอง(เดอ) (ผล,เมล็ด) อัลมอนต์

ananas (m) อานานา, อานานาส สับปะรด

annone (f) อันนอน(เนอ) น้อยหน่า

avocat (m) อาโวกา อะโวกาโด

banane (f) บานาน(เนอ) กล้วย

cantaloup (m) กองตาลู แตงแคนตาลูป

carambole (f) การองบอล(เลอ) มะเฟือง

corossol (m) กอรอสซอล น้อยหน่า

durion (m) ดืริยง ทุเรียน

fraise (f) แฟรส(เซอ) สตรอเบอรี่

framboise (f) ฟรองบวส(เซอ) รัสป์เบอรี่

fruit de la passion (m) ฟรุย เดอ ลา ปาสซิยง เสาวรส

goyave (f) โกยาฟ(เวอ) ฝรั่ง

grenade (f) เกรอนาด(เดอ) ผลทับทิม

groseille (f) โกรแซย(เยอ) ผลกูสเบอรี่ (สีแดง)

่jaque (m) / fruit du jaquier ชาก(เอ) / ฟรุย ดู ชากิเย ขนุน

jujube (m) ชูชุบ(เบอ) พุทรา

kaki (m) กากี ลูกพลับ

kiwi (m) กีวี ผลกีวี

litchi, letchi, lychee (m) ลิชี ลิ้นจี่

longane (m) ลงกาน(เนอ) ลำไย

mandarine (f) มองดาริน(เนอ) ส้ม (ชนิดหนึ่ง)

mangoustan (m) มองกุสตอง มังคุด

mangue (f) มอง(เกอ) มะม่วง

marron (m) มารง ผลเกาลัด

melon (m) เมอลง แตงเมล่อน

melon d'eau / pastèque (f) เมอลง โด / ปาสแตก(เกอ) แตงโม

mûre (f) มือ(เรอ) ผลหม่อน

myrtille (f) เมียร์ตี(เยอ), เมียร์ตีล ผลบลูเบอร์รี่

nectarine (f) เนกตาริน(เนอ) เนกตาริน (ตระกูลท้อ)

noisette (f) นัวแซต(เตอ) ผลนัต

noix de cajou (f) นัว เดอ กาชู ผล(เมล็ด)มะม่วงหิมพานต์

noix de coco (f) นัว เดอ โกโก ผลมะพร้าว

papaye (f) ปาปาย(เยอ) มะละกอ

pastèque (f) ปาสแตก(เกอ) แตงโม

poire (f) ปัว(เรอ) ผลสาลี่

pomélo (m) ปอเมโล ส้มโอ

pomme (f) ปอม(เมอ) แอปเปิล

pomme rose (f) ปอม โรส(เซอ) ชมพู่

pomme cannelle (f) ปอม กาลแนล น้อยหน่า

prune (f) พรุน(เนอ) ลูกพรุน

raisin (m) เรแซง ผลองุ่น

rambutan (m) รองบือตอง เงาะ

tamarin (m) ตามาแร็ง มะขาม

tangerine (f) ตองเชอรีน(เนอ) ส้มเขียวหวาน

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทายนิสัยจากรสของนม

นมรสไหนที่ชอบที่สุด แล้วอยากรู้มั้ยว่าคุณเป็นคนยังไง

1.ชอบนมรสจืด

คุณเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นสูง มีความพยายามที่จะทำอะไรได้สำเร็จ เป็นผู้นำที่ดี แต่ทว่าเป็นผู้ตามที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะที่คุณไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ ทำให้คุณถูกมองว่าเป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่ภายในอ่อนไหวมาก

2.ชอบนมเปรี้ยว

คุณเป็นคนที่ช่างจินตนาการ สดใสร่าเริงอยู่เสมอ ด้วยนิสัยขี้เล่นของคุณทำให้คุณมีเพื่อนเยอะ และไม่เคยเหงาเลยทีเดียว แต่เมื่อไหร่ที่คุณขาดเพื่อน คุณจะเหงาจนไม่อาจทนได้ ถึงดูเหมือนว่าภายนอกจะเป็นคนสดใสร่าเริง แต่ภายในลึกๆแล้วเป็นคนที่ดื้อรั้น ไม่ค่อยยอมฟังใครซักเท่าไหร่

3.ชอบนมรสสตรอเบอร์รี่

คุณเป็นคนทันสมัย ชอบแต่งตัว ชอบไปเที่ยว ชอบงานปาร์ตี้ มีเพื่อนเยอะ แต่คุณมักจะเป็นตัวก่อปัญหาให้กับเพื่อนเสมอๆ คุณเป็นคนที่ใฝ่ฝันว่าจะแต่งงานให้ได้เพราะคุณจะถือเรื่องการขึ้นคานเป็นพิเศษจริงรึเปล่าคะ

4.ชอบนมช็อกโกแลต

คุณมีความมั่นใจในตัวสูง ความซื่อสัตย์เต็มร้อย คุณเป็นคนที่มักจะเคลียปันหาของเพื่อนได้ดี เพื่อนๆมักมาปรึกษาปันหากับคุณ คุณเก็บความลับได้ยอดเยี่ยม จึงมีแต่คนไว้ใจ แต่คุณเป็นคนที่จะไม่เคยปรึกษาปันหาของคุณกับใคร เพราะคุณคิดว่าถึงบอกไปก็ช่วยอะไรไม่ได้จิงมั๊ย

5.ชอบนมถั่วเหลือง

คุณเป็นคนน่ารัก ขี้อาย อ่อนโยนและอ่อนหวาน ใครๆก็ต่างชอบคุณเพราะคุณเป็นเด็กเรียบร้อย พูดจาเพราะ ไร้คำหยาบ แต่คุณเป็นคนที่ขี้แย ร้องไห้ง่ายมากมาย และยังขี้กลัวอีกด้วย แต่เมื่อถึงเวลาที่คุณจะแสดงอะไรต่างๆคุณก็กล้าที่จะทำ ถ้าเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คุณเป็นคนไหวพริบดีรู้ทันเล่เหลี่ยมคนอื่น แต่คุณก็ไม่เคยจะพูดออกมาเพราะกลัวว่าคนอื่นจะโกรดคุณชะมะ...

ในนมรสสตรอเบอร์รี่มีแมลงด้วย

แมลงที่เป็นกาฝากอยู่บนต้องตะบองเพชร มันชื่อว่า " โคชินีล (cochineal) "
ตัวผู้เท่านั้นที่มีปีก ตัวเมียไม่มีปีก ในนมสตรอเบอร์รี่อ่ะจะใช้เฉพาะตัวเมีย

แต่แมลงชนิดนี้สามารถรับประทานได้ทั้งตัวไม่ต้องกลัวตายค่ะ

แมลงที่ใส่ในนมรสสตรอเบอรี่นั้นเป็นเพศเมีย

วิธีการก็คือเอาแมลงโคชินีลแห้ง ๆ แข็ง ๆ ไปสกัดในน้ำร้อน

จากนั้นก็นำไปกลั่น ได้ของเหลวสีแดงของแมลงโคชินีล

เสร็จแล้วก็เอาไปใส่นมสีขาว นมก็จะกลายเป็นสีชมพู



เสริม* ,, สีที่ได้จากแมลงโคชินีล

.ในสภาพเป็นกลางจะให้สีแดง

.ในสภาพเป็นกรดจะให้สีส้ม

.ในสภาพอัลคาไลน์หรือด่างจะให้สีม่วง

ป.ล.ในปูอัดที่เราเห็นสีแดงๆก็คือของเหลวสีแดงจากแมลงชนิดนี้

อาหารขึ้นชื่อของฝรั่งเศส

ครัวซอง ( croissant) คือขนมอบชนิดหนึ่งที่กรอบ ชุ่มเนย และโดยทั่วไปจะมีลักษณะโค้งอันเป็นที่มาของชื่อ "croissant" ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง "จันทร์เสี้ยว" บางทีก็ถูกเรียกว่า crescent roll (โรลจันทร์เสี้ยว)

การทำครัวซองค์จะต้องใช้แป้งพายชั้น (puff pastry - พัฟ เพสทรี่) ที่ผสมยีสต์ นำมารีดให้เป็นแผ่น วางชั้นของเนยลงไป พับและรีดให้เป็นแผ่นซ้ำไปมา ตัดเป็นแผ่นสามเหลี่ยม นำไปม้วนจากด้านกว้างไปด้านแหลม บิดปลายให้โค้งเข้าหากัน อบโดยใช้ไฟแรงให้เนยที่แทรกอยู่เป็นชั้นดันแป้งให้ฟูก่อน จึงค่อยลดไฟลงไม่ให้ไหม้

ครัวซอง

เมดิเตอเรเนียนคีช

คีช ( quiche) เป็นอาหารจานอบชนิดหนึ่งโดยมีส่วนประกอบหลักคือ ไข่ นม หรือ ครีม ถึงแม้ว่าคีชจะมีลักษณะคล้ายพายแต่คีชถูกจัดเป็นอาหารคาว โดยในคีชอาจมีส่วนประกอบอื่นเช่น เนื้อสัตว์ ผัก เนยแข็ง ได้

ถึงแม้ว่าคีชจะมีส่วนประกอบหลายอย่างคล้ายอาหารประเภทพาสตา แต่ไม่ถูกจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของพาสตา


เมดิเตอเรเนียคีซ
ขนมปังฝรั่งเศส

บาเกต ( baguette) หรือ ขนมปังฝรั่งเศส เป็นขนมปังมีลักษณะรูปทรงเป็นแท่งยาวขนาดใหญ่ เปลือกนอกแข็งกรอบ เนื้อในนุ่มเหนียว และเป็นโพรงอากาศ มักนำมาหั่นเฉียงเป็นแผ่นหนา เพื่อรับประทานกับซุป ปาดเนยสด หรือประกอบทำเป็นแซนด์วิช

ปาเกต
ปาเตหลายหลายชนิดคู่กับแตร์รีน

ปาเต ( pâté) เป็นอาหารยุโรปประเภทหนึ่ง ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึงเนื้อบดผสมไขมัน ปาเตโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นซอสสำหรับทา ทำจากเนื้อบดละเอียดหรือส่วนผสมของเนื้อและตับบดหยาบ ๆ และมักผสมไขมัน ผัก สมุนไพร เครื่องเทศ หรือไวน์ เป็นต้น

ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศเบลเยียม ปาเตอาจใช้เป็นไส้พายหรือขนมปังแถว เรียก "ปาเตอ็องกรูต" (ฝรั่งเศส: pâté en croûte) หรือใช้อบด้วยแตร์รีนหรือแม่พิมพ์แบบอื่น เรียก "ปาเตอ็องแตร์รีน" (ฝรั่งเศส: pâté en terrine) ปาเตประเภทที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "ปาเตเดอฟัวกราส์" (ฝรั่งเศส: pâté de foie gras) ทำจากตับของห่านที่ขุนจนอ้วน คำว่า "ฟัวกราส์อองตีเยร์" (ฝรั่งเศส: foie gras entier) หมายถึง ตับห่านธรรมดาที่ได้รับการปรุงสุกและหั่นเป็นแผ่น ไม่ใช่ปาเต

ส่วนในประเทศฮอลแลนด์ ประเทศเยอรมนี ประเทศฟินแลนด์ ประเทศฮังการี ประเทศสวีเดน และประเทศออสเตรีย ปาเตที่ทำจากตับบางชนิดจะมีลักษณะอ่อนยวบ โดยมากเป็นไส้กรอกที่ใช้ทาได้ ภาษาดัตช์เรียก "leverworst" ภาษาเยอรมันเรียก "leberwurst"

ฟัวกรา เสิร์ฟแบบปิกนิกพร้อมขนมปัง

ฟัวกรา ( Foie gras ) แปลเทียบเคียงว่า fat liver คือตับห่านหรือเป็ดที่ถูกเลี้ยงให้อ้วนเกิน ฟัวกราได้ชื่อว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับทรัฟเฟิล มีลักษณะนุ่มมันและมีรสชาติที่แตกต่างจากตับของเป็ดหรือห่านธรรมดา

ใน พ.ศ. 2548 ทั่วโลกมีการผลิตฟัวกราประมาณ 23,500 ตัน ในจำนวนนี้ ประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้ผลิตมากที่สุดคือ 18,450 ตัน หรือร้อยละ 75 ของทั้งหมด โดยร้อยละ 96 ของฟัวกราจากฝรั่งเศสมาจากตับเป็ด และร้อยละ 4 มาจากตับห่าน ประเทศฝรั่งเศสบริโภคฟัวกราใน พ.ศ. 2548 เป็นจำนวน 19,000 ตัน

ประเทศฮังการีผลิตฟัวกรามากเป็นอันดับสอง และส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ 1,920 ตันใน พ.ศ. 2548 โดยเกือบทั้งหมดส่งออกไปที่ฝรั่งเศส

ฟัวกรา
ชามที่มีราทาทุยและขนมปังเคียงข้าง

ราทาทุย ( Ratatouille ) เป็นอาหารพื้นเมืองของฝรั่งเศส ในเขต Provençal โดยมีลักษณะเป็นสตูว์ผัก มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Nice ทานตอนใต้ของฝรั่งเศส อาหารชนิดนี้มีชื่อเต็มว่า ratatouille niçoise

ราทาทุย
รูปแบบของอาหาร

คำว่า ratatouille มาจากภาษาอ็อกซิตันว่า "ratatolha" ราทาทุยปัจจุบันพบเห็นได้ที่ Occitan Provença และ Niça โดยมักจะทำในหน้าร้อนโดยใช้ผักในฤดูร้อน Ratatolha de Niça สูตรดั้งเดิมนั้นจะใช้เพียงแค่ ซุชีนี่, มะเขือเทศ, พริกหยวกแดงและเขียว, หัวหอม, และกระเทียม ราทาทุยในปัจจุบันจะมีการใส่มะเขือลงไปในส่วนผสมด้วย

ปกติราทาทุยจะเสิร์ฟเป็นอาหารข้างเคียงกับอาหารหลัก หรือบางครั้งก็เสิร์ฟเป็นอาหารหลักบนโต๊ะอาหาร

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของตระกูลเบอร์รี่

สตรอเบอร์รี่

โดยส่วนใหญ่แล้วเรารู้จักกันดีว่าสตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้สายพันธุ์ต่างชาติที่มีความสวยงามน่ากิน มีรสเปรี้ยวอมหวาน

สีสันสดใส แต่ความจริงแล้วนั้นสตรอเบอร์รี่มีดีกว่านั้นมาก

สตรอเบอร์รี่ถือกำเนิดมาบนโลกเมื่อประมาณช่วงของ ค.ศ.1000 ในทวีปยุโรป ที่มีภูมิอากาศค่อนข้างหนาวเย็น

จึงยากที่จะหาพบในประเทศไทย ที่มีอากาศร้อน แต่ในปัจจุบันสตรอเบอร์รี่จัดเป็นผลไม้เมืองหนาวอีกชนิดหนึ่งที่สามารถปลูก ได้ในแถบภาคเหนือของประเทศไทย


ประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่

- เป็นผลไม้ที่มีพลังงานต่ำ จึงเหมาะสำหรับ ลดความอ้วน

- วิตามินซีสูง สามารถป้องกันโรคหวัดได้เมื่อทานเป็นประจำ

- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้

- ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกได้

- ช่วยล้างพิษ ทำให้ร่างกายสดชื่นผ่อนคลาย


แนวทางที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากสตรอเบอร์รี่

ควรเก็บในตู้เย็นและทานทันทีหลังจากซื้อ เพราะ วิตามินซี และสารต้านอนุมุลอิสระอื่นๆ ในสตรอเบอร์รี่ไม่คงตัว

แต่การที่ทานแบบสดๆ จะทำให้ได้รับประโยชน์และคุณค่าของสตรอเบอร์รี่สูงสุด


สตรอเบอร์รี่

-------------------------------------------------------------------------------------

แบล็กเบอร์รี่


แบล็กเบอร์รี่นั้นหาดูยากในบ้านเรา และเป็นผลไม้ที่มีรูปร่างแปลกตา แต่ว่าประโยชน์ของเบอร์รี่มีมากมายที่เราไม่รู้

ประโยชน์ของแบล็กเบอร์รี่

- แบล็กเบอร์รี่สดเป็นแหล่งที่มีกรดฟีโนลิก วิตามินซี และโฟเลตสูงสุด ช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูคอลลาเจนได้

ทำให้ผิวหนังเราไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร

- แบล็กเบอร์รี่มีสารเคมีชนิดหนึ่งเรียกว่า Salicylate ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจ

แบล็กเบอร์รี่
           --------------------------------------------------------------------------

บลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีผิวสีน้ำเงินเข้ม คนไทยไม่ค่อยนิยมเพราะเป็นผลไม้ในเมืองหนาว ส่วนใหญ่จะจำหน่าย ตามซุปเปอร์มาเก็ต สาขาใหญ่ๆ


แต่ว่าที่ประเทศ สหรัฐอเมริกานั้น เป็นที่นิยมกันมากในหมู่ผู้สูงอายุ เพราะผลการวิจัยพบว่า การกินผลไม้ชนิดนี้จะทำให้สุขภาพแข็งแรง และช่วยในเรื่องของความจำได้อีกด้วย


ประโยชน์ของบลูเบอร์รี่

- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูง ที่ช่วยต้านการทำลายเซลล์ของร่างกาย

-มีปริมาณใยอาหารสูงโดยเฉพาะเพคติน ที่ทำหน้าที่ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลใน เลือด

- ช่วยดูแลเส้นเลือดฝอยให้แข็งแรง

- ช่วยชะลอความแก่ บำรุงร่างกายและช่วยให้ความจำดีขึ้นในคนชรา

-มีส่วนช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายสูงวัย โดยจะมีผลให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น


บลูเบอร์รี่
                 --------------------------------------------------------------------

แครนเบอร์รี่


แครนเบอร์รี่ หรือเบอร์รี่นกกระสา เรียกชื่อตามฤดูกาลที่ผลเบอร์รี่สุกงอม และเป็นช่วงที่นกระสามาชุมนุมกัน

เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์ไม่แพ้เบอร์รี่ชนิดอื่น


ประโยชน์ของแครนเบอร์รี่

- ช่วยลดการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ

- ช่วยบำรุงให้หัวใจแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง

ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆในร่างกาย

- ช่วยทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้นสดใสเพราะ แครนเบอร์รี่มีวิตามินซีอยู่สูงมาก

แครนเบอร์รี่

----------------------------------------------------------------------

ราสเบอร์รี่

ราสเบอร์รี่นั้นถือว่าเป็นสุดยอดผลไม้ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะ สารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเป็นโรคต่างๆเช่น โรคมะเร็งบางชนิด

อัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อม



ประโยชน์ของราสเบอร์รี่

- มีสารต้านอนุมูลอิสระ สูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

- มีสรรพคุณบรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และมีคุณค่าทางผิวมากเลยทีเดียว

- มีธาตุ โพรแทสเซียม และเส้นใยอาหารสูง มีวิตามินเคหรือ ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด และยังมีแมงกานีส ที่ช่วยในการทำงานของปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย

- ช่วยทำให้ระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารสีแดงในราสเบอร์รี่มีคุณสมบัติช่วยในการหมุนเวียนโลหิต อุดมไปด้วย วิตามิน เอ และบี

ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใสและสมานผิว

ราสเบอร์รี่
           


 

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สินค้าชื่อดังของฝรั่งเศส

ฝรั่งเศส หรือชื่อทางการ คือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส

ซี่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรป ตะวันตก

มีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก

เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดาร์รา

และสเปนนอกจากั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราช

อาณาจักรทางด้านทะเลด้วย ฝรั่งเศสนั้นเป็นหนึ่ง

ในประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรป นอกจากนั้นปัจจุบัน

ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยว

ประมาณ75 ล้านคนซึ่งมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังมี

อีกสิ่งหนึ่งที่ประเทศนี้ถือได้ว่าเป็นผู้นำเลยทีเดียว

นั่นก็คือเรื่องของแฟชั่นนั่นเอง


ช้อปปิ้งฝรั่งเศส

นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบประเทศฝรั่งเศสและคิดว่่าในชีวิต

นี้ต้องไปเยือนฝรั่งเศสให้ได้นั่น คุณได้เข้ามาถูกทางแล้ว

เนื่องจากเรากำลังจะพาคุณไปรู้จักข้าวเครื่องใช้ที่เลื่องชื่อ

ในประเทศฝรั่งเศสกันนั่นคือ.....น้ำหอม นี่คือสิ่งแรกที่คุณ

คิดจะซื้อจากฝรั่งเศสอย่างแน่นอน เพราะประเทศนี้นั้นมีชื่อ

เสียงในการทำน้ำหอมอย่างมาก ฝรั่งเศสนั้นมีชื่อเสียงในด้าน

การผลิตน้ำหอมที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโลกเลยทีเดียวใครไป

เที่ยวฝรั่งเศสก็มักจะซื้อยี่ห้อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับแล้วราคา

จะถูกกว่าที่นำมาขายในต่างประเทศมาก เมืองที่มีชื่อเสียงและ

มีโรงงานผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆได้แก่ เมืองกราส ทางตอน

ใต้ของประเทศ ยี่ห้อน้ำหอมที่ขึ้นชื่องที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับ

ได้แก่ Christian Dior , Civenchy, Rochas,

Guerlain, Paco Rabanne



เครืื่่่องสำอาง

เครื่องสำอางนานาชนิด นับตั้งแต่ครีมบำรุงผิว แป้งฝุ่น ลิปสติก

อายแชโดว์ มาสคาร่า อายไลเนอร์ ฯลฯ ที่มีชื่อเสียงในเมืองไทย

ล้วนผลิตในฝรั่งเศสกันทั้งน้น เช่น Lancome, Orlane,

Yves Saint Laurent ฯลฯ





เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น

ทุกคนรู้จักฝรั่งเศสดีในนามของดินแดนแห่งแฟชั่นชั้นนำ เพราะ

ที่นี่เป็นศูนย์รวมของดีไซเนอร์ชื่อดัง และเป็นต้นฉบับของแฟชั่น

ทั่้วโลกเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของ Channel, Yves

Saint Laurent, Nina Ricci, Guy Laroche, Pierre

Cardin ฯลฯ



กระเป๋าและเครื่องหนัง

ที่มีชื่อเสียงสุดๆ และเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยก็คือ Channel

และ Louis Vuittonเรียกได้ว่าถึงขนาดเข้าคิวกันซื้อเลยทีเดียว




ของที่ระลึก

ร้านขายของที่ระลึกในฝรั่งเศสมีอยู่ทั่วไปตามสถานที่ท่อง

เที่ยวต่างๆและมักมีราคาแพงพอสมควร คือประมาณ 100 บาทขึ้น

ไปแต่ด้วยควารมสวยงามและยั่วยวนใจของนานาสินค้าหลากหลาย

อาจทำให้้นักท่องเที่ยวหลงลืมคิดเทียบเงินฟรังค์กับเงินบาทเลยที

เดียว

* ของขวัญตามราศี *

ของขวัญสำหรับคนราศีเมษ (15 เม.ย.-14 พ.ค.)


คนราศีเมษเป็นคนที่ไฟในตัวเอง มีแรงกระตุ้นสูง และ เป็นคนactive ดังนั้นของขวัญที่จะช่วยเขาประหยัดพลังงานใน กีฬา หรืองานอดิเรกที่เขาชื่นชอบนั้น เป็นความคิดที่ดีทีเดียว คนที่เกิดภายใต้ราศีเมษ เป็นคนขี้เล่นดังนั้นควรที่จะให้ของขวัญอย่าง เกม หรือประสบการณ์ ที่ท้าทาย อย่างเช่น คอรส์อบรมการดำน้ำ หรือ ตั๋วเข้าชมการแข่งขันกีฬาที่มันส์ ๆ


ของขวัญสำหรับคนราศีพฤษภ (15 พ.ค.-14 มี.ค.)

สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงเมื่อจะซื้อของขวัญให้แก่คนราศีพฤษภคือ ของขวัญที่มีราคาหน่อยคนราศีนี้จะดูแลตัวเองเป็นพิเศษ รักสวยรักงาม ดังนั้น น้ำมันนวด หรือครีมบำรุงต่างๆ ดูจะเป็นที่โปรดปราน

นอกจากนั้นดอกไม้ หรือเครื่องประดับ ภาพศิลปะ ก็เป็นของขวัญชิ้นถูกใจของคนราศีนี้


ของขวัญสำหรับคนราศีเมถุน (15 มิ.ย.-14 ก.ค.)

ชาวราศีเมถุนเป็นคนที่สนใจข่าวสารต่าง ๆ ชอบพบปะผู้คน ดังนั้นของขวัญที่ถูกใจคนราศีนี้ คงหนีไม่พ้น โทรศัพท์มือถือ, สมุดบันทึกต่างๆ, ชั่วโมงอินเตอร์เน็ต, หรือเครื่องเขียนต่างๆ แต่สิ่งสำคัญ การผสมผสานสิ่งสองสิ่งที่ไม่เข้ากันให้เข้ากันมากที่สุด นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจอย่างไม่รู้ลืมเลยทีเดียว


ของขวัญสำหรับคนราศีกรกฎ ( 15 ก.ค.-14 ส.ค.)

ชาวราศีกรกฎจะเป็นคนรักบ้านมาก ชอบที่จะอยู่บ้านมากกว่าออกไป ดังนั้นของขวัญสุดโปรดคงหนีไม่พ้น ของประดับบ้าน รองเท้าที่ใส่ในบ้าน อัลบั้มรูป คู่มือทำอาหาร คู่มือตกแต่งบ้าน ตู้ปลาเล็ก ๆ หรือไม้ประดับในกระถางใบจิ๋ว คู่มือทำอาหาร ตระกร้าใส่ของ พวกจานชาม แก้วน้ำ เซรามิกที่มีลวดลายน่ารัก ๆ จะทำให้เขาประทับใจมากเลยทีเดียว


ของขวัญสำหรับคนราศีสิงห์ (15 ส.ค.-14 ก.ย.)

คนที่เกิดราศีสิงห์เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และมุ่งมั่น แถมยังชอบฟุ่มเฟือยนิดๆ ดังนั้นการให้ของขวัญที่จะทำให้เขาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ หรือของขวัญที่เข้ากับความชอบในสิ่งที่สวยงาม อย่างเช่น งานศิลป์ แก้วคริสตัล รูปร่างต่าง ๆ ที่น่ารัก,ดอกไม้ต่างประเทศที่จัดช่อเก๋ ๆ หรือ เครื่องใช้สีทองที่ดูหรูคลาสิก น้ำหอม หรือเครื่องประดับสวย ๆ ก็ทำให้เขาประทับใจได้มากเลยทีเดียว


ของขวัญสำหรับคนราศีกันย์ (15 ก.ย. – 14 ต.ค.)

ชาวกันย์รักความหรูหราที่เรียบง่าย แต่เจ้าระเบียบ ของขวัญอะไรก็ตามที่จะให้เขา ควรจะทำให้เขาดูดีมีระดับ อย่างเช่น ปฏิทินสวยเก๋ , PDA (personal digital assistant), Organizer, หรือกระเป๋าเอกสาร นอกจากนั้นคนราศีนี้ยังรักสัตว์ ถ้าคุณกล้าพอ การให้ ปลา หรือลูกสุนัข จะทำให้เขาดีใจมาก บางทีหนึ่งปีผ่านไปเขาอาจจะตั้งสวนสัตว์เลยทีเดียว


ของขวัญสำหรับคนราศีตุลย์ (15 ต.ค.-14 พ.ย.)

คนราศีตุลย์เป็นเจ้าแห่งความมีมนุษย์สัมพันธ์ ชอบสังคมสังสรรค์ และสนใจในชีวิตของผู้อื่น ดังนั้นของขวัญที่ดูจะเหมาะกับราศีนี้ น่าจะเป็น สมุดภาพรวมรูปของคุณ กับพวกเพื่อนของเขา, สมุดจดโน้ตโทรศัพท์เล็ก ๆ ที่เขาสามารถพกพาไปไหนต่อไหนได้ทุกเมื่อ คงทำให้เขาพอใจมากเลยทีเดียว


ของขวัญสำหรับคนราศีพิจิก (15 พ.ย.-14 ธ.ค.)

คงไม่มีใครจะชอบเรื่องลึกลับ เหนือปราฎการณ์ทางธรรมชาติ เท่าคนราศีนี้ ดังนั้น ของขวัญที่เหมาะกับคนราศีนี้ น่าจะเป็นหนังสือแนวสืบสวน สอบสวน หรืออุปกรณ์กล้องส่องทางไกลต่างๆ พวกเกมคอมพิวเตอร์แนววางแผนการรบก็เหมาะสำหรับ


ของขวัญสำหรับคนราศีธนู (15 ธ.ค.-14 ม.ค.)

ลักษณะพิเศษของคนราศีธนูคือไม่ค่อยที่จะอยู่นิ่ง และชอบศึกษาหาความรู้และศาสนา ผู้คนที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์แห่งธนู มักจะมีสติปัญญาดี ดังนั้นหนังสือคงจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุด อย่างเช่น หนังสือรอบรู้ทั่วโลก หรือ สารคดียอดฮิตอย่าง National Geographic


ของขวัญสำหรับคนราศีมังกร (15 ม.ค. – 14 ก.พ.)

คนเกิดภายใต้ราศีนี้จะเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน และมีมานะ และชอบจัดการด้านการเงิน ของขวัญที่เหมาะสม ได้แก่ กระเป๋าเอกสารอย่างดี กระเป๋าสตางค์ เข็มขัดหนัง นาฬิกาแขวนที่หรูหรา ถ้าคุณรู้สึกว่า ชาวมังกรของคุณค่อนข้างจะซีเรียสกับชีวิตเกินไปละก็ หาของขวัญที่จะช่วยผ่อนคลาย เช่น อุปกรณ์กีฬา ครีมอาบน้ำสมุนไพร ช่วยผ่อนคลาย ก็จะช่วยเขาได้มากเลยทีเดียว


ของขวัญสำหรับคนราศีกุมภ์ (15 ก.พ. – 14 มี.ค.)

ชาวราศีกุมภ์มักเป็นคนที่มีจินตนาการสูง หัวก้าวหน้า และมีความสนใจในเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนั้นของขวัญที่เหมาะจะให้กับชาวกุมภ์ น่าจะเป็นพวกอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ เช่น เครื่องปาล์ม ไพล็อต เพจเจอร์ วอล์คแมน ถุงเท้า ปากกาสวยๆ สักด้าม หรือจะเป็นสร้อยคอ ก็เหมาะสำหรับเขาทั้งนั้น แค่นี้ก็เขาก็ปลื้มแย่แล้ว


ของขวัญสำหรับคนราศีมีน (15 มี.ค.-14 เม.ย.)

ชาวราศีมีนสนใจในเรื่อง จิตวิญญาณ อารมณ์ ศิลปะ อะไรที่ออกแนวแฟนตาซี ,แนวดราม่า ดังนั้นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับชาวราศีนี้ คืออะไรที่สามารถตอบสนองความต้องการความสนใจของเขาได้ เช่น พวกสีน้ำมัน, ตั๋วหนัง, หรือนวนิยายดีๆ สักเล่ม ก็ไม่เลวนัก ชาวราศีนี้มักจะให้ความสำคัญกับเท้าตัวเองเป็นพิเศษ ของๆที่เหมาะก็น่าจะเป็น พวกรองเท้า , ถุงเท้า, พาไปขัดเล็บเท้า นวดเท้า บ้าง ก็ไม่เลวทีเดียว รับรองเขาต้องชอบของขวัญสุดพิเศษที่คุณเลือกสรรมาให้แน่นอน

10 วิธีทำให้หน้าใส ไร้สิวจ้า

สำหรับคนที่หน้าไม่ใสหรือเป็นสิวนะคับฟังทางนี้ค่ะ!!

คุณกำลังประสบปัญหาเรื่องหน้าไม่ใสหรือสิวขึ้นใช่หรือไม่

ถ้าคุณเจอปัญหาเล่านี้มีทางแก้แล้วคับ เค้าวิจัยกันมาแล้วกว่า 80 %



1.คุณจะต้องนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม ให้นอนระหว่าง 3 - 3.30 ทุม

ข้อแรกสำคัญคับ



2. ถ้าเป็นเพศชาย กรุณาอย่าชัก...บ่อยติดต่อกันค่ะ

(ลองเว้นระยะซัก 1 อาทิตย์ แล้วดูผล)



3. ถ้าเป็นเพศหญิง ตอนประจำ....มาอย่าพยายามกินของมันและ

อย่าให้ผมปิดหน้าเพราะเมื่อมีประจำ...ผมคุณจะไม่สะอาด

 เพราะอะไรไม่รู้น่ะแต่มีการสำรวจแล้ว


4.อย่าล้างหน้าบ่อย ให้ล้างวันละ 2 ครั้ง มากสุด 3

เพราะจะทำให้หน้าคุณบางลง เมื่อหน้าคุณบางหน้าคุณจะอ่อนแอ

แพ้ง่ายทำให้เป็นสิวได้ง่าย แต่มีบางคนเค้าเถียงว่าถ้าไม่ล้างหน้า

บ่อยๆจะทำให้หน้ามัน(สำหรับบางคนที่หน้ามันง่าย)แล้วสิวจะขึ้น

มีวิธีแก้คือให้ใช้วิธีทาแป้งบ่อยๆคับหน้าคุณจะไม่มันแต่ถ้าคุณแพ้

แป้งละก็ให้ใช้ดินสอพองผสมกับน้ำมะนาว(ดีจิงขอบอก)โบ๊ะหน้าไว้

เพื่อไม่ให้หน้ามันแต่ถ้าแพ้อีกก็ไม่รู้จะทำไงแล้วแหละ^^"



5.ควรออกกำลังกายด้วยวันละ 1 คร้ง นานเท่าไหร่แล้วแต่แต่ขั้นต่ำ

ไม่เกิน 30 นาที

เมื่อคุณออกกำลังหายเสร็จ อย่าพึ่งล้างหน้าโดนเด็ดขาด ถ้าคุณล้าง

หน้าเลยจะทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้ เพราะหน้าคุณกำลังร้อนอยู่เจอน้ำเย็น

จะทำให้ใบหน้าของคุณเสียได้และขึ้นฝ้า



6.ไม่ควรกินของมัน แต่สำหรับคนที่อดใจไม่ไหว มีวิธีแก้ คุณกินน้ำตามเมื่อคุณกินของมันเสร้จกินมากๆจะช่วยได้ค่ะ



7.กินน้ำเยอะๆ เยอะๆนี่ไม่ได้หมายความว่า 7-8 แก้วนะ กินเมื่อฉี่  พอฉี่เสร็จก็ดื่มน้ำอย่างน้อย ครึ่งแก้วตามเสมอมันจะระบายของเสียออกจากร่างกายคุณและหน้าคุณจะใสไร้สิว



8. พยายามอย่าให้หน้าคุณโดนแดดแรงๆมากๆจะทำให้สิวขึ้น



9.คุณควรจะแยกผ้าใช้ เช่น ผ้าเช็ดหน้าก็ส่วนผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ด

ตัวก็ส่วนผ้าเช็ดตัว อย่างนี้เป็นต้น



10. อย่าพยายามให้หน้าคุณโดนฝุ่นผงเพราะจะทำให้คุณเป็นสิวหัว

ช้างได้



11.ทำตาม 10 ข้อข้างบนได้หน้าคุณจะหน้าใสไร้สิว หุหุ

****ถ้าคุณทำได้อย่างน้อย 1 อาทิตย์คุณจะหน้าใส

และสิวน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ****

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

La cuisine[การครัวและอาหารการกิน]

Le petit déjeuner [เลอ เปอ-ติ เด-เชอ-เน] (n.m.) [le matin] : อาหารเช้า

โดยทั่วไปแล้ว ชาวฝรั่งเศสจะรับประทาน tartine (n.f) คือ ขนมปังทาเนย [pain beurré] (n.m.) กับแยม [confiture] (n.f.) หรือ นํ้าผึ้ง [miel] (n.m.)

สำหรับเครื่องดื่ม จะดื่ม เครื่องดื่มร้อนๆ [boisson chaude] (n.f.) เช่น กาแฟ [café] (n.m.), ชา [thé] (n.m.), นม [lait] (n.m.) หรือ ช๊อกโกแลตร้อนๆ [chocolat chaud] (n.m.) ซึ่งจะดื่มในชาม [bol] (n.m.) หรือถ้วย [tasse] (n.f.) บางคนก็จะรับประทานธัญญาพืช [céréals] (n.f. pl.), ไข่ลวก [oeuf à la coque] (n.m.) และดื่มนํ้าผลไม้สดๆ [jus de fruits] (n.m) ส่วน ครัวซอง [croissant] (n.m.) ชาวฝรั่งเศสจะไปรับประทานที่ร้านกาแฟ [bistrot] (n.m.) หรือที่บ้านในโอกาสสำคัญเช่นวันอาทิตย์


Le déjeuner [เลอ เด-เชอ-เน] (n.m.) [entre 12 h et 14 h] : อาหารกลางวัน

โดยทั่วไปแล้ว อาหารมื้อกลางวันจะประกอบไปด้วย อาหารจานแรกหรืออาหารเรียกนํ้าย่อย [entrée] (n.f.) อาหารจานหลัก [plat] (n.m.) ที่เป็นเนื้อ [viande] (n.f.) หรือ ปลา [poisson] (n.m.) เคียงกับผัก [légume] (n.m.) ตามด้วยเนยแข็ง [fromage] (n.m.) หรือ ของหวาน [dessert] (n.m.) ซึ่งอาจจะเป็นผลไม้ หรือ โยเกิร์ต [yaourt] (n.m.) ก็ได้


Le goûter [เลอ กู๊ต-เต] (n.m.) [vers 16 h] : อาหารว่าง (ระหว่างมื้อกลางวันกับมื้อคํ่า)


เป็นอาหารมื้อเล็กๆสำหรับเด็กๆหลังเลิกเรียน (เพราะชาวฝรั่งเศสเริ่มรับประทานอาหารคํ่าค่อนข้างดึก ตั้งแต่ 19.30 ถึง 20.30) อาหารว่างนี้จะคล้ายกับอาหารเช้ามาก บ่อยๆแม่บ้านมักจะเตรียมขนมปังช๊อกโกแลต [pain au chocolat] (n.m.) หรือ ขนมปังก้อนนุ่มๆ [brioche] (n.f.) หรือไม่ก็ ขนมปังทาเนยและแยม [tartine] โดยอาจจะมีเครื่องดื่มร้อนๆเช่นช๊อกโกแลตร้อนๆด้วยก็ได้


Le dîner [เลอ ดิ-เน่] (n.m.) [le soir] : อาหารคํ่า

โดยทั่วไปแล้วจะเหมือนกับอาหารมื้อกลางวัน เพียงแต่ในฤดูหนาวอาจจะมีซุปหรือซุปนํ้าข้นจากผักเพิ่มขึ้น [soupe] (n.f.) [potage] (n.m.)

นอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว อาจจะมีอาหารมื้อพิเศษเฉพาะบางคนและบางโอกาสได้อีกเช่น


Le souper [เลอ ซุ-เป้่] (n.m.) [le soir, souvent après la sortie] : อาหารคํ่า หรือ อาหารเบาๆเมื่อออกไปเที่ยวในตอนคํ่า

สำหรับบางคนจะถือเป็นอาหารเย็น ส่วนประกอบจึงเหมือนกับ อาหารคํ่า [dîner] แต่สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารคํ่ามาแล้ว ก็จะเป็นอาหารเบาๆก่อนนอน [repas léger]



Le brunch [เลอ บรันช์่] (n.m.) [vers 11h et midi] : อาหารเช้า - กลางวัน

สำหรับคนที่นอนตื่นสาย ลักษณะจึงเป็นการผสมระหว่างอาหารเช้าและอาหารกลางวัน แต่จะหนักไปทางมื้อกลางวัน


Une pause-café [อืน โปส-กา-เฟ่] (n.f.) [vers 10h et 10h et demie] : การหยุดพักดื่มกาแฟ


บางคนก็แค่เพียงดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นก็ได้สักแก้วหนึ่ง บางคนก็อาจจะรับประทานขนมหรือของว่างนิดหน่อย เช่น แซนวิช ก่อนกลับเข้าไปทำงานต่อ



Une collation [อืน กอล-ลา-ซิ-ยอง] (n.f.) : อาหารว่าง หรืออาหารมื้อเบาๆ


เป็นมื้อที่ไม่มีการจำกัดเวลา หิวเมื่อไหร่ก็รับประทานได้ทุกเมื่อ เป็นอาหารมื้อเบาๆรองท้องก่อนมื้อหลัก มักจะเป็นช่วงระหว่างเดินทาง อาหารที่สะดวกได้แก่พวก แซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ ...


Un repas simple [อัง เลอ-ปา แซง(เปลอ)] (n.m.) : มื้ออาหารธรรมดาๆ

• (ตัวอย่างมื้ออาหารธรรมดา) :

- สลัดผักปรุงรส [salade verte assaisonnée] ด้วย นํ้าซ๊อสสลัดแบบเปรี้ยว [sauce vinaigrette (= huile, vinaigre, sel, poivre)] ผสม ใบหรือพืชสมุนไพรเพื่อแต่งรสหรือกลิ่น [herbes] เนื้อซี่โครงลูกแกะกระทะ [côtelettes d'agneau à la poêle] มันฝรั่งอบเคลือบหน้าด้วยเนยแข็ง [gratin de pomme de terre] ตามด้วยสลัดผลไม้ [salade de fruits] หรือแค่เพียง โยเกิร์ติ [yaourt]

- สำหรับเครื่องดื่ม อาจจะเป็น ไวน์แดงธรรมดา [un petit vin rouge (un "grand" vin, un vin de très grande qualité)]


Un repas rapide [อัง เลอ-ปา รา-ปิด(เดอ)] (n.m.) : มื้ออาหารแบบเร่งด่วน

• (ตัวอย่างมื้ออาหารแบบเร่งด่วน) : สำหรับผู้ที่รีบเร่ง [être pressé] หรือไม่ชอบใชเวลามากนักในการเตรียมอาหาร

- อาหารปรุงเสร็จเรียบร้อย [plats tout préparés] ซื้อจากร้านคนปรุงอาหารสำเร็จรูป [chez le traiteur] หรือไม่ก็อาหารแช่แข็ง [des surgelés] จากตู้แช่แข็ง [congélateur] ใส่เตาอบไมโครเวฟ [ four à micro-ondes] ซึ่งใช้เวลาปรุงเสร็จภายในไม่กี่นาที แน่นอนว่าไม่ใช่อาหารแบบเลิศรส [un repas gastronomique] แต่ก็เหมาะกับผู้ที่ไม่เน้นเรื่องการกินมากนัก[gourmande]



Un repas pique-nique [อัง เลอ-ปา ปิ๊ก-นิ๊ก(เกอ)] (n.m.) : มื้ออาหารแบบไปปิ๊กนิค

• (ตัวอย่างมื้ออาหารสำหรับไปปิ๊กนิค)

- อาหารแบบง่ายๆเช่น ผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู [de la charcuterie (ใส้กรอกแห้ง [du saucisson] เนื้อหรือตับบด[du paté] หมูแฮม[du jambon blanc] หรือหมูแฮมดิบ [du jambon cru] ขนมปังฝรั่งเศส [une baguette](= du pain) และสลัดข้าว [une salade de riz] ใส่มะเขือเทศ [des tomates] พริกหยวก [des poivrons] ผลมะกอกดำ [des olives noires] และ กาแฟร้อนๆ [du café chaud] บรรจุในกระติกนํ้าร้อน [un thermos]



Un repas de fête [อัง เลอ-ปา เดอ แฟ๊ต(เตอ)] (n.m.) : มื้ออาหารสำหรับการฉลองหรืองานเลี้ยง

• (ตัวอย่างมื้ออาหารสำหรับการฉลองหรืองานเลี้ยง)

- สำหรับมื้ออาหารคืนก่อนวันคริสมาสต์ [le réveillon de Noël (= le soir du 24 décembre)] ชาวฝรั่งเศสจะเสิร์ฟอาหารตามประเพณีนิยม [un dîner traditionnel] : สำหรับอาหารจานแรกหรืออาหารเรียกนํ้าย่อย [en entrée] ได้แก่ หอยนางรม [des huîtres] ดื่มกับไวน์ขาวแบบบาดคอหน่อย [un vin blanc sec ] สำหรับอาหารจานหลักได้แก่ [comme plat principal] ไก่งวงอบยัดไส้ด้วยลูกเกาลัด [une dinde aux marrons (= farcie avec des marrons)] ดื่มกับไวน์แดงบอร์โด [un bon bordeaux rouge] แถมด้วยเนยแข็งหลากหลายชนิดจากฟาร์ม [un beau plateau de fromages "fermiers" (industriels)] ตบท้ายด้วยของหวาน [comme dessert] คือ ขนมเค๊กรูปท่อนซุงที่ขึ้นชื่อ [la fameuse bûche de Noël (= gâteau à la crème)] ดื่มกับ เชมเปญ [du champagne]


La cuisine traditionnelle [ลา กุย-ซีน(เนอ) ทรา-ดิ-ซิ-ออง-แนล(เลอ)] (n.f.) : อาหารแบบดั้งเดิม

• ชาวฝรั่งเศสส่วนมากชื่นชอบอาหารที่ปรุงแบบดั้งเดิม [la cuisine traditionnelle française] ซึ่งเต็มไปด้วยรสชาด [savoureuse (= elle a beaucoup de goût) และ มีปริมาณมาก [copieuse (= abondante)] แต่จะหนักสักนิด [lourde] เพราะการปรุงใ้ช้ ครีมและเนย [on cuisine à la crème et au beurre]


La nouvelle cuisine [ลา นู-แวล(เลอ) กุย-ซีน(เนอ)] (n.f.) : อาหารแบบใหม่


• อาหารที่เรียกว่า " nouvelle cuisine " หรือ อาหารแนวใหม่ จะมีลักษณะเบากว่า [plus légère] อาหารแบบดั้งเดิม เพราะการปรุงส่วนใหญ่ใช้นํ้าหรือการนึ่ง [on cuisine beaucoup à l'eau ou à la vapeur.]



La cuisine exotique [ลา กุย-ซีน(เนอ) เอ็ก-โซ-ติก(เกอ)] (n.f.) : อาหารแดนไกล

• อาหารที่เรียกว่า " la cuisine exotique " (= des pays lointains) เป็นอาหารที่ผสมผสานเครื่องปรุง [ingrédients] และเครื่องเทศ [épices] ที่ไม่ค่อยมีหรือเป็นที่รู้จักกันในฝรั่งเศส อาหารไทยเป็นตัวอย่างหนึ่งของ cuisine exotique สำหรับชาวฝรั่งเศส



La cuisine pour les végétariens [ลา กุย-ซีน(เนอ) ปูร์ เล เว-เช-ตา-เรียง] (n.f.) : อาหารสำหรับผู้ที่เป็นมังสะวิรัติ

• สำหรับผู้ที่เป็นมังสะวิรัต [végétarien] จะไม่รับประทานเนื้อ [viande] แต่จะรับประทานปลา [poisson] และ [oeufs] นอกจากนี้บางคนจะซื้อ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ [produits " biologiques " (= naturels)] เพราะไม่อยากบริโภคสิ่งปนเปื้อนหรือสิ่งที่ไม่สะอาด [saletés (= de mauvaises choses ) chimiques.]

สถานที่ชื่อดังของประเทศฝรั่งเศส

                                                พิพิธภัณฑ์ลูฟร์


                                
                                      พีระมิดล้อมรอบด้วยอาคารของลูฟร์

 (ฝรั่งเศส: Musée du Louvre) หรือในชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะอันตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์คาเปเทียง ตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่ง Antioch ในปี พ.ศ. 2549 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส (แคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์) ปีที่สร้าง ค.ศ. 1793


กระจก 666 แผ่น: ตำนานเมือง


บางคนกล่าวอ้างว่าแผ่นกระจกบนพิระมิดลูฟร์มีทั้งหมด 666 แผ่น ซึ่งเป็น "number of the beast" ที่มักจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับซาตาน ผู้สนใจด้านประวัติศาสตร์จำนวนมาก ตัวอย่างเช่น หนังสือของ Dominique Stezepfandt ที่มีชื่อว่า François Mitterrand, Grand Architecte de l'Univers ได้กล่าวไว้ว่า "พีระมิดถูกอุทิศให้แก่พลังที่เล่ากันว่าเป็น Beast ใน พระคัมภีร์วิวรณ์ (...) โครงสร้างทั้งหลังมีรากฐานอยู่บนเลข 6"


เรื่องราวของกระจก 666 แผ่นเริ่มต้นขึ้นเมื่อราวทศวรรษที่ 1980 (พ.ศ. 2523-2532) โดยแผ่นพับโฆษณาอย่างเป็นทางการที่ตีพิมพ์ระหว่างการก่อสร้างได้กล่าวอ้างถึงตัวเลขนี้ถึงสองครั้ง แต่หน้าก่อนๆในแผ่นพับกล่าวไว้ว่ากระจกมี 673 แผ่น ตัวเลข 666 ยังถูกกล่าวถึงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑสถานลูฟร์ได้แถลงว่า พีระมิดประกอบขึ้นจากแผ่นกระจก 673 แผ่น (รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 603 แผ่น และรูปสามเหลี่ยม 70 แผ่น)มีผู้พยายามนับจำนวนแผ่นกระจกบนพีระมิดอยู่หลายครั้ง โดยแต่ละครั้งจะนับได้จำนวนที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่จะมากกว่า 666 แผ่นทุกครั้ง

ข่าวลือได้กลับมาอีกครั้งใน พ.ศ. 2546 เมื่อนวนิยาย The Da Vinci Code ของแดน บราวน์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ โดยที่ตัวเอกของเรื่องครุ่นคิดว่า "พีระมิดหลังนี้สร้างขึ้นด้วยแผ่นกระจก 666 แผ่นพอดี ตามความต้องการของประธานาธิบดีมิตแตร์รองด์ ซึ่งกลายเป็นหัวข้อร้อนท่ามกลางผู้สนใจทฤษฎีสมคบคิดที่กล่าวอ้างว่า 666 เป็นตัวเลขของซาตาน" อย่างไรก็ตาม David A. Shugarts ได้รายงานว่า จากคำกล่าวของโฆษกประจำสำนักงานของไอ. เอ็ม. เป่ย ประธานาธิบดีฝรั่งเศสไม่เคยระบุจำนวนแผ่นกระจกที่ต้องการให้ใช้ในการก่อสร้างพีระมิด

สิ่งที่น่าสนใจ

* พิพิธภัณฑ์ที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก


* มีผลงานกว่า 380,000 ชิ้น

ผู้สร้าง

* พระเจ้าฟิลิปป์ที่ 2 (พระราชวัง)


* พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 (กำแพง)

* พระเจ้าอองรีที่ 2 (ฝั่งตะวันตกและใต้)

สถาปนิก

* ปีแอร์ เลส์โกต์ (ปรับปรุง)


* ไอ.เอ็ม. เป (พีระมิด)

ผู้ตกแต่งภายใน

* ฌอง กูฌง

หมายเหตุ

เปิดในฐานะพิพิธภัณฑ์เมื่อปี พ.ศ. 2336


มีผู้ชม 6,894,000 (พ.ศ. 2547)

มีผู้ชม 7,553,000 (พ.ศ. 2548)

มีผู้ชม 8,348,000 (พ.ศ. 2549)


-------------------------------------------------------------------------------------

                                               พีระมิดลูฟร์

                                         พีระมิดกระจกยามค่ำคืน

(อังกฤษ: Louvre Pyramid) เป็นพีระมิดที่สร้างขึ้นจากกระจกและโลหะ มีพีระมิดขนาดเล็กกว่า 3 หลังตั้งอยู่โดยรอบ ตั้งอยู่ที่ลานหน้าพิพิธภัณฑสถานลูฟร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทำหน้าที่เป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2532 และกลายเป็นหนึ่งในจุดสังเกตของกรุงปารีส

การก่อสร้างพีระมิดนี้มอบหมายโดยฟรองซัว มิตแตร์รองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2527 ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป่ย สถาปนิกที่เคยรับผิดชอบการออกแบบ Miho Museum ที่ญี่ปุ่น โครงสร้างพีระมิดนี้สร้างขึ้นจากแผ่นกระจกทั้งหลัง มีความสูง 20.6 เมตร ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความยาวด้านละ 35 เมตร ประกอบขึ้นจากแผ่นกระจกรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 603 แผ่น และแผ่นกระจกรูปสามเหลี่ยม 70 แผ่น


การออกแบบและก่อสร้าง

" The solid is for the dead, but the transparent is for the living "

พีระมิดและโถงทางเข้าที่อยู่ข้างใต้ สร้างขึ้นเนื่องจากทางเข้าเดิมของลูฟร์ไม่สามารถรองรับจำนวนผู้มาเยือนที่มีมากในแต่ละวันได้อีกแล้ว ผู้มาเยือนที่เข้าจากพีระมิดจะลงไปโถงทางเข้ากว้างขวาง แล้วกลับขึ้นไปยังอาคารหลักของลูฟร์ พิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งได้นำแนวคิดนี้ไปใช้ เช่น Museum of Science and Industry ในชิคาโก การก่อสร้างพีระมิดและโถงทางเข้าใต้ดินดำเนินการโดย Dumez

-------------------------------------------------------------------------------------

Tour Eiffel.

Tour Eiffel (en français: Tour Eiffel, Flash Six-africaine; Anglais: Tour Eiffel) tour d'acier situé sur le Camp de Mark Chong la Seine à Paris Tour Eiffel comme un symbole de la France qui est connu à travers le monde. Aussi l'un des bâtiments les plus célèbres dans le monde.


La Tour Eiffel est l'un des bâtiments les plus célèbres dans le monde. Nommé d'après l'architecte, concepteur, Gustave Eiffel, l'année 2549 sur 6.719.200 personnes étaient des touristes visitent cet endroit et plus de 200 millions de personnes depuis le début de la construction. Abouti à la Tour Eiffel est un peuple de construction visiter la plupart de l'année. La Tour Eiffel est de 324 mètres de haut (1063 pieds) (y compris l'antenne hauteur 24 m (79 pi)), ce qui est élevé de 81 étages.

Quand la Tour Eiffel a été achevée en l'an 2432 (1889) de la Tour Eiffel est devenue le plus haut bâtiment du monde, en remplacement de Washington Monument. Et a été couronné cette année jusqu'à เรื่อย 2473 (1930) a mauvaise position à la tour Chrysler (319 mètres ou 1047 pieds) a récemment achevé. Actuel de la Force Eiffel haute sous le n ° 5 en France et le plus grand à Paris La seconde est l'arôme de Starbucks posté Par Na (Tour Montparnasse - 210 mètres ou 689 pieds), qui sera bientôt remplacé par Igor Fax Ming Ho Ming (Tour AXA - 225,11 738,36 mètres ou pieds).


Structure

La Tour Eiffel est à 300 mètres de haut (986 pieds), à l'exclusion d'antenne de 24 mètres (72 pieds) plus haut que, si on la compare à la construction aura environ 75 histoires tout en année de construction 2432 (C. ven. . 1889) La Tour Eiffel est le plus haut bâtiment du monde. La position tombait sur New York City a créé. Chrysler Building de hauteur 319 mètres (1047 pieds).


construction en acier de poids pour les 7.300 tonnes ensemble, et s'il ya un total de 10.000 tonnes d'escaliers est toujours en évolution. 1710 est la première étape dans les années 1980 et aujourd'hui il ya 1920 marches 1665 marches.


Événement


10 septembre BE 2432 (1889) - Thomas Edison pour visiter la Tour Eiffel.

BE 2432 (1889) tour a été achevée et un bâtiment à l'Expo.

Année 2445 (Tour ค.ศ. 1902) - Eiffel Lightning. Par conséquent, le total de la réparation de la tour de 100 mètres (330 pieds) et brisé interrupteur de la lumière.

BE 2473 (1930) Tour de déchets de construction, la plus haute position dans le monde. Pour la construction de Chrysler.

Depuis 2468 BC - 2477 BC (1925 - 1934) 3 de la quatre centrales dans la chambre.

Année 2483 (ค.ศ. 1940), lorsque l'Allemagne nazie à Paris, a déjà pris. Ascenseur français à la coupe. Hitler a fait de monter les escaliers, l'étape 1665, mais il n'est pas d'escalade de prendre le drapeau allemand sur la tour au lieu de la broderie.

BE 2487 (1944) en août, Hitler Dietrich von Choltitz pour brûler Paris et l'Art à gauche, mais il a forcé les commandes ne brûle pas. Parce qu'ils เสียดาย ville

BE 2499 (1956) le 3 Janvier feux haut de la tour. Dans ce même temps, l'antenne de la radio au début de la Société.

1980 a été démoli pour déplacer le plus ancien restaurant de la tour. Pour reconstruire la Nouvelle-Orléans de la Chambre. État de la Louisiane. Etats-Unis à la place.

2543 (2000) a été installé au sommet de la tour de lumière.

BE 2545 (2002) sur Novembre 28 invités Eiffel Bienvenue à 200 millions d'euros.

2546 (2003) 22 Juillet feu au sommet de la tour. Dans la salle de stockage à nouveau. Fire dure environ 40 minutes.

^_^*

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Les aliments [อาหาร]

La viande [n.f.] ลา วิ-ออง เนื้อสัตว์


agneau [n.m.] อาน-โย (เนื้อ)ลูกแกะ

mouton [n.m.] มู-ตง (เนื้อ)แกะ

- gigot [n.m.] ชิ-โก (เนื้อ)น่องลูกแกะหรือ(เนื้อ)น่องแกะ

- côtelette [n.f.] โก๊ต-แลต (เนื้อ)ซี่โครงแกะ, (เนื้อ)ซี่โครงหมู

- côte (de boeuf, de porc) โก๊ต(เตอ) (เดอ เบิ๊ฟ, เดอ ปอร์) ซี่โครง (วัว, หมู)

boeuf [n.m.] เบิ๊ฟ (เนื้อ)วัว

veau [n.m.] โว (เนื้อ)ลูกวัว

- entrecôte [n.f.] ออง-เทรอะ-โก๊ต (เนื้อ)ซี่โครงวัว, เนื้อซี่โครงลูกวัว

- filet [n.m.] ฟิ-เล เนื้อสันใน(วัว)

- faux filet [n.m.] โฟ ฟิ-เล เนื้อสันนอก(วัว)

porc [n.m.] ปอร์ เนื้อหมู

cochon [n.m.] โก-ชง เนื้อหมู

- jambon [n.m.] ชอง-บง หมูแฮม

- lard [n.m.] ลาร์ เบคอน

- saucisson [n.m.] โซ-ซิส-ซง ใส้กรอกใหญ่ๆที่สุกหรือตากแห้ง

- saucisse [n.f.] โซ-ซิส ใส้กรอก(รับประทานสุกๆเท่านั้น)

- salami [n.m.] ซา-ลา-มิ ใส้กรอกตากแห้งรสเค็ม

- pâté [n.m.] ปา-เต้ อาหารบดแบบใช้ทาขนมปัง

- charcuterie [n.f.] ชาร์-กื-เตอ-รี ผลิตภัณท์จากเนื้อหมู เช่น ไส้กรอก หมูแฮม

- boudin [n.m.] บู-แดง ไส้กรอกเลือดหมู

volaille [n.f.] โว-ไล(เยอ) (เนื้อ)สัตว์ปีก

poulet [n.m.] ปู-เล (เนื้อ)ไก่

canard [n.m.] กา-นาร์ (เนื้อ)เป็ด

dinde [n.f.] แดง(เดอ) (เนื้อ)ไก่งวง

- cuisse de poulet [n.f.] กุ๊ยส์ เดอ ปู-เล น่องไก่

- aile de poulet [n.f.] ไอ เดอ ปู-เล ปีกไก่

 oeuf [n.m.] (des oeufs) เอิ๊ฟ (พหูพจน์อ่าน เออ -> เด เซอ) ไข่

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ขนมหวานต่างๆ



                                                                   ...Macarons...

Macarons เป็นขนมที่ทำมาจากไข่ขาว อัลมอลด์บด น้ำตาลไอซิ่ง และน้ำตาลทราย (ถ้าอยากเห็นวิธีทำก็เข้าไปที่นี่ค่ะ สูตรของคุณแม่ปูขาเก เซมารู เพราะรูปทรงที่น่ารัก สีหวานๆ ชิ้นเล็ก น่ากินเหลือเกิน มันก็คือ Macarons หรือ มากาฮอง ซึ่งเป็นขนมหวานชนิดหนึ่งสัญชาติฝรั่งเศส

ในปารีสซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ Macarons <1> มีร้านขาย Macarons ให้เห็นอยู่หลายร้านทีเดียว โดยเค้าจะนิยมนำมาจัดวางโชว์ที่หน้าร้าน เห็นแล้วมันกระตุ้นต่อมอยากเหลือเกิน ส่วนเวลาขายเค้าจะนิยมขายเป็นกร้มค่ะ เราสามารถเลือกได้ว่าจะเอารสไหน รสที่ว่านี้ก็มีหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Almond, Chocotate, Strawberry, Vanilla, Coffee และอื่นๆ สาระพัดเลยค่ะ ที่แปลกๆ ก็มีแบบผสมแชมเปญ และแปลกที่สุดที่เคยเห็นก็มีแบบเป็นสีทองด้วยค่ะ ส่วนราคาก็ไม่ต้องแปลกใจ แพงสุดๆๆ ผิวด้านนอกมันจะกรอบหน่อยๆ ส่วนข้างในจะนุ่มๆ รสชาติก็ออกจะไปทางหวานๆ (ก็มันเป็นของหวานนี่หน่า) แต่ที่แน่ๆ มันหอมค่ะ หอมอัลมอนด์ ชิ้นเล็กๆ

Macarons นี่ก็มีในสวิตเซอร์แลนด์เหมือนกันค่ะ ดังมากที่ซูริช แต่เค้าจะเรียกว่า Luxemburgerli หรือ ลักเซมเบริกท์เกอลี่ (อ่านแบบสวิตน่ะ) มาจากผู้ที่เริ่มต้นนำสูตรขนม Macarons จากฝรั่งเศสเข้ามาที่ซูริชนั้น บ้านเกิดเข้าอยู่ที่ลักเซมเบริกท์ (แต่ขนมนี่ไม่ได้ดังที่ลักเซมเบริกท์หรอกนะค่ะ)

Luxemburgerli แตกต่างจาก Macarons ตรงที่มันจะเบาและโปร่งกว่า (จากที่เคยลองทั้งสองอย่างก็ไม่เห็นความแตกต่างเลย)
-------------------------------------------------------------------------------

                                            

Huguenot Torteเป็นขนมที่มีชื่อเสียงมาก


ในเมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาธ์แคโรไลน่า

ขนมชนิดนี้ดัดแปลงมาจากOzark pudding

โดยกลุ่มชุมชนHuguenot ฝรั่งเศสโปรเตสแตนท์ในเซาธ์แคโรไลน่า

ซึ่งเมื่อเค้าเหล่านั้นได้กินOzark puddingก็ติดอกติดใจ

จึงได้นำมาสูตรมาดัดแปลงแก้ไขให้ถูกใจตน

และเพื่อเป็นที่ระลึกในความรักความหลงใหลในรสชาติ

จึงเปลี่ยนชื่อจากOzark pudding

เป็นHuguenot Torte ตามชื่อกลุ่มของตัวเอง

Ozark pudding ทำจากแอ้ปเปิ้ลสับเล็กๆ

มีส่วนผสมของพีคาน หรือวอลนัทสับ วานิลา ไข่ และน้ำตาลทรายแดง

นอกจากชื่อเสียงที่เรียกต่างกันไปแล้ว จะว่าไปจริงๆ..

Ozark pudding ก็ไม่ได้ต่างจากHuguenot Tortสักเท่าไหร่นัก

ยังมีความอร่อย หอม หวาน ชวนให้ลิ้มลองมานานเป็นทศตวรรษ

----------------------------------------------------------------------

crêpes Wigan (pas de beurre, huile, les œufs et la vache)  (วีแกนแพนเค้ก (ไม่มีไข่ น้ำมัน เนย และนมวัว))




--------------------------------------------------------------------------

Su compacte biscuits sandwich au caramel  (ม็อคค่าคาราเมลแซนวิชคุ้กกี้)




--------------------------------------------------------------------------
Storm que Berry Gâteau à la crème. (สตอร์วเบอร์รี่ครีมเค้ก)




-----------------------------------------------------------------------------------

เลมอนชีสเค้ก ((แบบไม่อบ))  (Gâteau au fromage au citron ((une demi-cuites)).)




----------------------------------------------------------------------------------
Ford Gâteau Forêt Noire  (แบล็คฟอร์เรสต์เค้ก)



------------------------------------------------------------------------------

enrobés de chocolat fraises  (chocolate dipped strawberries)




-----------------------------------------------------------------------------
Cat Brain compote de pommes Berry  (แครนเบอรี่ แอ้ปเปิ้ลซ้อส)




...[*-*] :D...