วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Pansy




ดอกไม้หน้าตาคล้ายแมว

น่าจะเป็นดอกที่เรียกว่า Pansy

ซึ่งมีหลายพันธ์ ป้าจะลองหามาให้ชมดู

เผื่อนำไปจัดกันเล่นๆ

ปลูกใส่กระถางแล้วใส่ตระกร้า ก็น่าจะได้

pansy ชื่อแสนน่ารัก

คนไทยให้ชื่อว่าดอกหน้าแมว

ดอกไม้ต้นเล็กสูงพ้นพื้นดินไม่ถึง5นิ้ว

เป็นดอกไม้ที่ทนร้อนทนหนาว

ทน แม้กระทั่งละอองหิมะเย็นเยือก

ที่ตกลงมาปกคลุมไม้อื่น จนต้องทิ้งดอกสลัดใบ

มีแต่ pansy ดอกน้อยๆนี้เท่านั้นที่ยืนหยัดท้าสู้

ภาษาดั้งเดิม "pansy" มาจาก "pensee"อันเป็นภาษาฝรั่งเศส

แปลว่า "thought, remembrance" ความนึกคิด ความทรงจำ

ฝรั่งเขาบอกว่า รูปดอกเล็กๆเมื่อถูกลมพัดจะส่ายไปมา

คล้ายใบหน้าคนที่ส่ายศรีษะไปซ้ายที ขวาที ทำนองครุ่นคิด อะไรสักอย่าง

แต่ละคนต่างคิดต่างตั้งชื่อตามที่เห็น

ความที่ pansy มีลักษณะเหมือนดอกไม้ที่คล้ายจะคิดเป็น

ฝรั่งเขาเลยนำไปเป็นสัญญลักษณ์ของ Freethought คือความคิดเสรี

ลักษณะของพวกความคิดเสรี คือ มีความเชื่อตั้งอยู่บนฐาน

ของข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และตรรกวิทยา

ถ้าเรื่องไหนพิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีเหตุผล พวก Freethought จะไม่เชื่อเด็ดขาด

อาจเป็นเพราะสมัยก่อนความเชื่อที่ครอบคลุมความคิด

ทุกรูปแบบของชาวตะวันตกมาจากศาสนจักร

พอถึงยุคหนึ่งผู้คนเริ่มเป็นกบฎต่อความคิดที่ไม่มีเหตุผล

จึงรวมกลุ่มกลายเป็นพวก Freethought

และถือว่าทุก วันที่12 ตุลาคม คือ Freethought Day

ดอกpansyมีเผ่าพันธุ์สืบทอดสายเดียวมากับดอกviola

ดอกไม้ดั้งเดิมในศตวรรษที่4สมัยกรีกโบราณว่า

ไม้ดอกชนิดนี้เป็นสมุนไพร

ต่อมาเมื่อviolaกระจายพันธุ์ไปทั่วยุโรปในเวลาต่อมา

ตามหลักฐานที่ปรากฏในหนังสือของ Pansy ในปี1899

ระบุว่ากำเเนิดจากการผสมพันธุ์ของviola ที่เมือง Iver,

Buckinghamshire ประเทศอังกฤษสมัยต้นปี 1800

จากคนสวนของ Lord Gambier ชื่อ William Thompson

เขาได้ทดลองผสมข้ามพันธุ์ Viola หลาย species

หลักฐานในหนังสือระบุว่า สายพันธุ์ V. tricolor, V. Lutea

และไม้ดอกสีน้ำเงินจากรัสเซีย V. altacia.ผสมออกมาได้ไม้มี3สีคละกัน

เรียกว่า V. tricolor

ประวัติศาสตร์จึงยกย่องว่า คนสวนนาม William Thompson

เป็นผู้ค้นพบ V. x Wittrockiana

ในปี 1839 ให้ชื่อว่า "Medora," ถือเป็นดอก pansy แรกของโลก

ความนิยมในดอกpansyยังคงสืบต่อมาเรื่อยไม่เว้น

แม้แต่การ์ดของ Hallmark ที่ข่าวระบุว่า

ไม่ว่า e-mailจะทันสมัยแค่ไหน

แต่การ์ดที่ออกแบบมามีอายุ หกสิบกว่าปี (ตั้งแต่ปี 1939) **

รูปดอก pansy รูปนี้ ยังคงขายดิบขายดี

พิมพ์สืบต่อมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2

เป็นการ์ดที่ขายดีที่สุดไม่มีวันตกจากความนิยม

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะไม่ว่ากี่ปีต่อกี่ปีเท่าที่จำความได้

ไปดูการ์ดที่ร้าน Hallmark คราใด ต้องได้เจอการ์ดรูปนี้อยู่ที่ร้านเสมอ

(** In 1939, Hallmark created the Pansy card

which was one of the most popular Hallmark cards ever introduced.

ปกติเป็นไม้ดอกที่ต้องการแสงแดดจัด

แต่ในประเทศไทยมีอากาศค่อนข้างร้อน

แม้ในฤดูหนาว อากาศก็ไม่เย็นพอ

ดังนั้นการปลูกแพนซีให้มีดอกสวยงามควรปลูกใต้เงาไม้

หรือร่มเงาโขดหิน หรือให้ได้รับแสงแดดรำไร

หรือแสงแดดในช่วงเช้า

แพนซีมีรูปร่างและสีสันของดอก ตลอดจนลวดลายภายในดอก

แปลกไปจากไม้ดอกอื่นๆ แต่ละดอกประกอบด้วยหลายสี

ถ้าปลูกคละสีในแปลงเดียวกันจะมองเห็นเหมือนหน้าแมว

ที่ชูหน้าสลอนรับแสงแดดยามเช้า เป็นไม้ดอกที่มีพุ่มต้นเตี้ย

แต่ก้านดอกจะส่งดอกโผล่พ้นต้นขึ้นมา

และหันหน้ารับแสงอาทิตย์เกือบทุกดอก

เมล็ดลูกผสมชั่วแรก (F1 hybrid) มีราคาค่อนข้างแพง

แต่ดอกมีขนาดใหญ่ และดอกดก

หรืออาจจะเลือกปลูกเมล็ดผสมชั่วที่ ๒ (F2 hybrid) แทนก็ได้

ซึ่งเมล็ดมีราคาย่อมเยากว่า แต่ดอกสวยพอๆ กัน"



คำบรรยายด้านในการ์ด :-

Pansies always stand for thoughts

– at least that’s what folks say.

So this just comes to show

my thoughts are there with you today.

คำบรรยายบนปกการ์ด :-

  To let you know I’m thinking of you.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น