วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โรคโพรพีเรียหรือผีดูดเลือด ( Porphyria )

 

     เป็นโรคเลือดที่เกิดจากความผิดปกติของเลือด จากการที่ร่างกายขาดเอนไซม์ ( Enzymes ) ที่ใช้สร้างร่างกาย ที่เรียกว่า "Heme" ซึ่งอาการของโรคจะแสดงออกมาสองลักษณะใหญ่คือทางจิต และทางผิวหนังร่างกาย ชื่อ Porphyria มาจากภาษากรีซ คำว่า porphyrus ซึ่งแปลว่า สีม่วง ( purple )

เหตุที่ทำให้โรคโพรพีเรีย ถูกเรียกว่า โรคผีดูดเลือด

-การรักษาทำได้การถ่ายเลือด ให้เลือด ในสมัยโบราณอาดใช้การให้ดื่มเลือด

-ผิวหนังจะเกิดอาการแพ้แสง จะเกิดเป็นแผลพุพองขึ้น ทำให้ผู้ป่วยกลัวแสง และออกจากบ้านเฉพาะ
  เวลากลางคืน

-อวัยวะส่วนยื่นเป็นระยางยื่น เช่นจมูก นิ้วมือนิ้วเท้า จะเกิดเป็นแผลเรื้อรัง จนหลุดขาดออกจากร่างกาย

-ริมฝีปากจะเกิดอาการดึงรั้ง จนมองเห็นฟันชัดเจน

-กระเทียมมีการเคมีบางตัวที่ใช้รักษาโรคโพรพีเรีย แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าผู้ป่วยบางคนกลัวกระเทียม


มือที่ผิวหนังหลุดล่อน น่ากลัว ที่เกิดจากโรค ทำให้ ผู้ป่วยที่เป็นโรค porphyria มีสีผิวขาวกว่าปรกติ



เด็กน้อยที่ดูท่าทางอิดโรย และต้องการกรอกเลือด


จากโรคแปรเปลี่ยนเป็นตำนาน Vampire

     ตำนานของชาวคาร์เพเทียนมิได้บอกว่าผีดิบขึ้นมาจากโลง ที่ถูกฝังลึกลงไปได้อย่างไรเพราะผีดิบไม่ใช่วิญ ญาณแต่เป็นศพที่ไร้ลมหายใจจะแทรกโลงแทรกพื้นดินขึ้นม าไม่ได้ แต่ตำนานกลับซ่อนปมเด่นของ ท่านเคานต์ไว้ว่า "สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาว เป็นหมาป่า เป็นกลุ่มควันและมีอำนาจสะกดจิตในดวงตากล้า แข็งมากจนเมื่อได้สบตาเหยื่อแล้วเหยื่อจะไม่อาจขัดขื นให้ท่านเคานต์ดูดเลือดจากคอได้เลย"ผีดูดเลือดมา จากไหนนี่เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบมาก่อนจนถึงศตวรร ษที่19 ได้มีการค้นพบค้างคาวชนิดหนึ่งในป่า ร้อนชื้นของทวีปอเมริกา เจ้าค้างคาวประเภทนี้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการใช้เขี้ยว เจาะเส้นเลือดของสัตว์ต่างๆแล้ว ดูดเลือดกินมันจะเข้าจู่โจมสัตว์เลี้ยงเช่นแกะ วัว หรือแม้แต่สุนัขแล้วดูดเดือดออกไปจนแห้งและตายด้วย เลือดหมดตัวหรือโลหิตจาง ผุ้ค้นพบขนานนามมันว่า "แวมไพร" และหน้าตาของเจ้าแวมไพร์ก็แสนจะน่า เกลียดและน่ากลัว เจ้าค้างคาวแวมไพร์นี่และที่กลายมาเป็นเคานต์แดร็กคิวลาในที่สุด


ใครคือท่านเคานต์

เค้าท์แดรกคูลา - เจ้าชายวลาด ทีปีส แห่งแคว้น วัลลาเซีย - แวมไพร์ผู้เป็นอมตะ อาศัยอยู่ในปราสาทที่ทรานซิลเวเนีย เป็นชายชราแต่ร่างกายแข็งแรง มีผมและหนวดเคราสีขาวโพลน ตาสีแดงมีแววโหดเหี้ยม ฟันเล็กแหลมคม ชอบสวมชุดยาวสีดำล้วน พูดภาษาอังกฤษชัดเจนแต่สำเนียงแปล่ง จะปรากฏตัวเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น พยายามจะขยายอิทธิพลจากทรานซิลเวเนียไปทั่วยุโรป โดยเริ่มจากลอนดอน

สรุปแล้วท่านเคาร์ืืท ก็คือชายผู้ที่ป่วยด้วยโรค Porphyria นี่เอง


การติดต่อ

การกัด การขีดข่วน การให้เลือด เพศสัมพันธ์


พบโครงกระดูกผีดูดเลือด (Vampires)


ในช่วงศตวรรษที่ 15-16 กาฬโรค ( Plague ) ได้ระบาดในอิตาลี ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนยังมีความเชื่อเรื่องภูตผี ปีศาจ จึงเชื่อว่าเหตุของโรคร้ายเกิดจากผีดูดเลือด ( Vampire ) จึงการค้นพบนี้จึงเป็นหลักฐานยืนยันในความเชื่อนี้ในยุคกลาง สิ่งที่พบคือโครงกระดูกบางส่วน และกระโหลกศีรษะของผู้หญิงคนหนึ่ง ทีถูกก้อนอิฐขนาดใหญ่ยัดไว้ในปาก ซึ่งมันเป็นวิธีการของหมอผีที่ใช้กับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีดูดเลือด เพราะเชื่อว่าวิธีการดังกล่าวจะสามารถหยุกยั้งการแพร่กระจายของโรคร้ายได้ โครงกระดูกนี้ และโครงกระดูกอื่นถูกค้นพบที่ หลุมศพผู้ติดเชื้อกาฬโรค บนเกาะ Lazzaretto Nuovo ประเทศอิตาลี ซึ่ง Borrini นักโบราณคดีที่ขุดค้นกล่าวว่า " พวกเราโชคดีมากที่ค้นพบหลุมฝังศพ และโครงกระดูก ในยุคกลางแห่งนี้เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าการในการรักษาศพในยุคนั้นไม่ค่อยดีทำให้ไม่ค่อยเหลือหลักฐานอะไรจากยุคนั้นมากนัก"


อื่นๆ โรค Nemo mutation (ผู้ป่วยที่มีเขี้ยวเหมือน vampire)


ผู้ป่วยที่เป็นโรค Nemo mutation (ชื่อเล่นของโรคโพรพีเรียอีกทีหนึ่ง) จะมีเขี้ยวแหลมเหมือนแวมไพร์ บางรายอาจจะมีฟันทั่วไปด้วย ในบางรายอาจไม่มีฟันเลย มีแต่เขี้ยว 4ซีก

แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักอายุไม่ยาว ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตช่วงอายุประมาณ 10ขวบขึ้นไป จึงทำให้พบได้ยากมาก ซึ่งถ้าหากผู้ป่วยโรคแวมไพร์ มีอาการแทรกซ้อนของโรค Nemo แล้วล่ะก็ ไม่แปลกใจเลย หากผู้คนในยุโรปสมัยโบราณจะคิดว่า คนเหล่านี้เป็นปีศาจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น